ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 126 ล้านหยวน “บ. น้ำตาลมิตรผล” ที่ระดับ “A+/Stable”

พุธ ๐๓ มิถุนายน ๒๐๑๕ ๑๖:๓๘
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 126 ล้านหยวนของ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ที่ระดับ “A+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A+” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในอุตสาหกรรมน้ำตาลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตลอดจนแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียง กระบวนการผลิตน้ำตาลที่มีประสิทธิภาพ และการขยายกิจการสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำตาล นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงสถานการณ์ราคาน้ำตาลที่อยู่ในระดับต่ำในปัจจุบัน รวมถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ และความเสี่ยงจากความผันผวนของปริมาณผลผลิตอ้อยด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่ากลุ่มมิตรผลจะยังคงดำรงสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลทั้งในประเทศไทยและจีนได้ต่อไป ระบบการแบ่งปันรายได้ของอุตสาหกรรมน้ำตาลในประเทศ ตลอดจนการกระจายตัวของแหล่งรายได้จะช่วยให้บริษัทสามารถประคองตัวอยู่ได้ในช่วงที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลเชิงลบต่ออันดับเครดิตได้แก่ราคาน้ำตาลที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่องและอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลงเป็นระยะเวลานาน หรือมีการลงทุนขนาดใหญ่ที่ใช้เงินกู้จำนวนมากซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างทุนอ่อนแอลง ในขณะที่ปัจจัยเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทมีอยู่ไม่มากในภาวะที่ราคาน้ำตาลยังอยู่ในระดับต่ำ

บริษัทน้ำตาลมิตรผลก่อตั้งในปี 2489 โดยตระกูลว่องกุศลกิจซึ่งถือหุ้นในบริษัทเต็ม 100% ผ่าน บริษัท น้ำตาลมิตรสยาม จำกัด บริษัทน้ำตาลมิตรผลมีโรงงานน้ำตาลในประเทศไทย จีน ลาว และออสเตรเลีย ในฤดูการผลิต 2556/2557 บริษัทมีผลผลิตน้ำตาลจาก 4 ประเทศรวมทั้งสิ้น 4.08 ล้านตัน

บริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในประเทศไทยมาอย่างยาวนานโดยเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ทั้งนี้ ในฤดูการผลิต 2556/2557 บริษัทผลิตน้ำตาลได้ 2.3 ล้านตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 20.3% ของปริมาณน้ำตาลทั้งประเทศ บริษัทยังเป็นเจ้าของและบริหารโรงงานน้ำตาล 7 แห่งในประเทศจีนโดยมีผลผลิตน้ำตาล 1.17 ล้านตันในปีการผลิต 2556/2557 ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาด 8.7% ในประเทศจีนซึ่งถือเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่อันดับ 2 ส่วนโรงงานน้ำตาลของบริษัทในประเทศลาวผลิตน้ำตาลได้ 0.04 ล้านตัน และในประเทศออสเตรเลีย (โรงงาน MSF Sugar -- MSF) ผลิตได้ 0.56 ล้านตันในฤดูการผลิต 2556/2557

ในปี 2557 บริษัทมีรายได้รวม 89,378 ล้านบาท ธุรกิจน้ำตาลเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ในสัดส่วนที่สูงที่สุดของบริษัท โดยรายได้จากธุรกิจน้ำตาลมีสัดส่วน 80% ของรายได้รวม และรายได้จากธุรกิจน้ำตาลในไทยมีสัดส่วน 44% ในขณะที่รายได้จากประเทศจีนมีสัดส่วน 29% ของรายได้รวม ส่วนรายได้จากธุรกิจน้ำตาลในประเทศลาวและออสเตรเลียมีจำนวน 7% ของรายได้รวม

นอกเหนือจากธุรกิจน้ำตาลแล้ว บริษัทยังขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอ้อยและน้ำตาลเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุดจากอ้อยด้วย อาทิ ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจผลิตเอทานอล ธุรกิจผลิตวัสดุทดแทนไม้ และธุรกิจผลิตกระดาษ บริษัทได้ขยายกำลังการผลิตเอทานอลและไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง ณ เดือนธันวาคม 2557 โรงงานผลิตเอทานอลของบริษัทมีกำลังการผลิตที่ 974,500 ลิตรต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 442.8 เมกะวัตต์ด้วย ในปี 2557 รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและเอทานอลรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 15% ของรายได้รวมของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาโรงไฟฟ้าที่ใช้ชานอ้อยเป็นเชื้อเพลิงอีก 126 เมกะวัตต์ และบริษัทได้วางเป้าหมายว่าภายในปี 2563 บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอีก 200 เมกะวัตต์

ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในปี 2557 เนื่องจากยังคงมีอุปทานน้ำตาลส่วนเกินทั่วโลกต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 4 แม้ว่าราคาน้ำตาลจะลดลงมากกว่า 10% ในปี 2557 แต่รายได้ของบริษัทในปี 2557 ก็ยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยรายได้เพิ่มขึ้น 6.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็น 89,378 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายน้ำตาลจากการดำเนินงานในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 12.3% ในขณะที่รายได้จากธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้ารวมกันเพิ่มขึ้น 25.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม กำไรจากธุรกิจน้ำตาลลดลงตามราคาน้ำตาลที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธุรกิจน้ำตาลในประเทศจีนยังเผชิญกับปัญหาต้นทุนอ้อยที่สูงจากนโยบายการกำหนดราคาอ้อยของรัฐบาลจีนเพื่อช่วยเหลือชาวไร่ด้วย อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจึงลดลงเป็น 14.5% ในปี 2557 จาก 16.8% ในปีก่อน กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ลดลง 4.0% อยู่ที่ 14,803 ล้านบาทในปี 2557 เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่ 15,424 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นผลจากกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้าที่เติบโตซึ่งช่วยบรรเทาการลดลงของกำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจน้ำตาล ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2558 ผลการดำเนินงานของบริษัทยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ รายได้เติบโต 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 22,515 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA เท่ากับ 7,027 ล้านบาท เติบโต 14.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีก่อน อัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ในช่วงที่อุตสาหกรรมน้ำตาลชะลอตัว โดยอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายลดลงมาอยู่ในระดับ 6.0 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 6.7 เท่าในปี 2556 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมยังอยู่ในระดับเพียงพอที่ 19.1% และ 18.5% (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 12 เดือน) ในปี 2557 และไตรมาสที่ 1 ของปี 2558 ตามลำดับ อัตราส่วนการก่อหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 51.0% ณ เดือนธันวาคม 2557 จากระดับ 49.0% ณ เดือนธันวาคม 2556 บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาทในระหว่างปี 2558-2559 คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงชะลอตัวในช่วงอุตสาหกรรมน้ำตาลประสบภาวะตกต่ำตามวัฏจักร คาดว่า EBITDA จะอยู่ระดับประมาณ 13,000-15,000 ล้านบาทต่อปี กระแสเงินสดดังกล่าวยังเพียงพอต่อการลงทุนตามแผนและการจ่ายเงินปันผลประจำปี ดังนั้น คาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับหนี้และความสามารถในการชำระหนี้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

ในปี 2557/2558 ผลผลิตอ้อยในประเทศไทยยังคงดีต่อเนื่องที่ 106.0 ล้านตันซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยลดลงมาอยู่ในระดับ 106.66 กิโลกรัมต่อตันอ้อยจาก 109.32 กิโลกรัมต่อตันอ้อยในปีก่อน ผลผลิตน้ำตาลในประเทศไทยจึงคงมีจำนวน 10.33 ล้านตันใกล้เคียงกับปีก่อน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมน้ำตาลยังอยู่ภายใต้แรงกดดันของราคาน้ำตาลที่อ่อนแอ ราคาเฉลี่ยน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกปรับตัวลงต่อเนื่องถึง 15% ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มาอยู่ที่ระดับ 13.84 เซนต์ต่อปอนด์เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ย 16.34 เซนต์ต่อปอนด์ในปี 2557 เป็นผลจากปริมาณน้ำตาลคงเหลือจำนวนมากทั่วโลก นอกจากนี้ ค่าเงินรีลของประเทศบราซิลซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดของโลกอ่อนตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงได้รับผลดีจากการมีธุรกิจที่หลากหลายและกระจายธุรกิจในหลายประเทศ ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว คาดว่าธุรกิจน้ำตาลในประเทศจีนจะฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำในปี 2557 ปัญหาความแห้งแล้งในประเทศจีนส่งผลให้ราคาน้ำตาลในประเทศจีนปรับตัวสูงกว่าราว 10% ในปัจจุบันเมื่อเทียบกับราคาขายเฉลี่ยในปี 2557 นอกจากนี้ รัฐบาลจีนได้ประกาศปรับลดราคาอ้อยในประเทษจีนลง 9% เป็น 400 หยวนต่อตัน ขณะที่คาดว่าธุรกิจไฟฟ้าและเอทานอลจะยังคงให้ผลกำไรที่ดี การที่รัฐบาลไทยยังคงนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้นจะช่วยสนับสนุนความต้องการใช้เอทานอล

บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC)

อันดับเครดิตองค์กร: A+

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

MPSC156A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A+

MPSC15OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 A+

MPSC165A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+

MPSC16OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+

MPSC16OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 A+

MPSC175A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 A+

MPSC185A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+

MPSC18OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,150 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A+

MPSC199A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 A+

MPSC20OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+

MPSC20OB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,850 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A+

MPSC219A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+

MPSC21OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A+

MPSC22OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A+

MPSC233A: หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A+

MPSC249A: หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A+

MPSC256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A+

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 126 ล้านหยวน ไถ่ถอนภายในปี 2561 A+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๐๔ กลุ่ม KTIS จับมือ Marubeni ประสานความร่วมมือในการขายเครดิตพลังงานหมุนเวียน (REC)
๑๔:๒๐ ผู้ถือหุ้น TIDLOR อนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด อัตรา 27 หุ้นสามัญ : 1 หุ้นปันผล พร้อมจ่ายเงินสด 0.2698 บ./หุ้น เตรียมขึ้น XD วันที่ 24 เม.ย. 67 รับทรัพย์ 14
๑๔:๔๙ สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว โครงการพัฒนาระบบแบ่งปันฐานข้อมูลการฉ้อฉลประกันภัย
๑๔:๑๐ สสวท. เติมความรู้คู่กีฬากับ เคมีในสระว่ายน้ำ
๑๓:๐๓ ฉุดไม่อยู่! ซีรีส์ Kiseki ฤดูปาฏิหาริย์ กระแสแรง ขึ้น TOP3 บน Viu ตอกย้ำความฮอต
๑๔:๒๔ TM บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุพระราม 9
๑๔:๑๒ ผถห. JR อนุมัติจ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น พร้อมโชว์ Backlog แน่น 9,243 ลบ.
๑๔:๕๐ กรุงศรี ร่วมมือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ในโลกธุรกิจ
๑๔:๓๔ ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2567 จำนวน 10,524 ล้านบาท
๑๔:๑๔ กรุงศรี ร่วมมือ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ พัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ และเสริมสร้างประสบการณ์ในโลกธุรกิจ