นายยู ยูน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี (CFO) บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (BJCHI) ผู้ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมด้านการรับจ้างผลิต และการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมตามแบบและขนาดตามที่ลูกค้ากำหนด เปิดเผยว่า คณะผู้บริหารของบริษัทได้เตรียมความพร้อมเพื่อเดินทางไปนำเสนอข้อมูลของบริษัท (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนสถาบันที่ฮ่องกงและประเทศญี่ปุ่น โดยร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ ยังเตรียมเดินทางไปนำเสนอข้อมูลของบริษัทให้กับนักลงทุนสถาบันที่ประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติรู้จักและเข้าใจในธุรกิจของบริษัทมากยิ่งขึ้น พร้อมกับเป็นการขยายฐานนักลงทุนต่างประเทศให้กว้างขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาพบว่านักลงทุนต่างชาติยังคงให้ความสำคัญในการเข้ามาลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่ประเทศไทย (บจ.) ที่ภาพรวมยังมีศักยภาพเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง
"เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ธุรกิจของ BJCHI ให้เป็นที่รู้จักของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น คณะผู้บริหารจึงตัดสินใจเดินทางไปนำเสนอข้อมูลของบริษัท โดยเน้นไปที่กลุ่มนักลงทุนสถาบัน ผู้จัดการกองทุนต่างๆ ในฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงค์โปร์ เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติเข้าใจธุรกิจและเห็นถึงศักยภาพการเติบโตในธุรกิจของบริษัท รวมถึงกลยุทธ์ในการดำเนินงาน และแผนการประมูลงานโครงการใหม่ต่างๆ โดยตั้งเป้าหมายในการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก การแปรรูปและประกอบโครงสร้างกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ งานติดตั้งนอกสถานที่ รวมถึงงานหล่อชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป และในครั้งนี้บริษัทเชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจในศักยภาพของบริษัทที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต รวมถึงมองเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อแนวโน้มการลงทุนในหุ้น BJCHI จากผู้ลงทุนต่างชาติ" นายยู ยูน กล่าวในที่สุด
นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2558 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 7,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป และเตรียมยื่นประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานโครงการ High Potential Projects มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าทราบผลได้ภายในปีนี้ จากจุดแข็งของบริษัทที่สามารถส่งมอบงานได้ตรงตามเวลา และมีความเชี่ยวชาญในงานอุตสาหกรรมหนักที่มีมายาวนาน พร้อมกับความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อลูกค้า ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าบริษัทจะได้รับงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน