นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.แอล.กรุ๊พ จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปรายใหญ่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มบริษัทเจริญสิน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้บริษัทฯ จัดตั้งบริษัท อินทิเกรเต็ด เลเธอร์ เน็ตเวอร์ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ที่ CPL จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 40% ของทุนจดทะเบียน โดยบริษัทดังกล่าวจะดำเนินธุรกิจศูนย์กระจายสินค้าสำหรับหนังทุกประเภท (Leather Platform Service)
ทั้งนี้ บริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เป็นความร่วมมือระหว่าง CPL กับบริษัทพาราเม้าท์ ไฮด์ เลเธอร์ (Paramount Hides Leather) ซึ่งเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของ CPL โดยบริษัท พาราเม้าท์ ไฮด์ เลเธอร์ จดทะเบียนและจัดตั้งในฮ่องกง แต่มีฐานธุรกิจสำคัญอยู่ที่จีน โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการซื้อมาขายไปหนังดิบและหนังกึ่งสำเร็จรูป ทำให้มีเครือข่ายซัพพลายเออร์ที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในเรื่องการต้นทุนวัตถุดิบที่มีทางเลือกมากขึ้น
สำหรับการตัดสินใจร่วมทุนกับ CPL ในครั้งนี้ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัท พาราเม้าท์ ไฮด์ เลเธอร์ กระจายอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งจีน อาเซียนและเอเชียใต้ ขณะที่ศูนย์กระจายสินค้าหลักที่จีนก็มีข้อจำกัดและมีเงื่อนไขด้านกฎระเบียบบางประการ ทำให้การบริหารสินค้าคงเหลือในคลังสินค้าได้รับผลกระทบในบางช่วงเวลา ในขณะที่การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในประเทศไทยนั้น มีความเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากเป็นจุดยุทธศาสตร์ในอาเซียนและเอเชียใต้ ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเริ่มทยอยย้ายออกจากประเทศจีนเข้าสู่ภูมิภาคนี้มากขึ้น
“การตัดสินใจเป็นพันธมิตรกับ CPL เนื่องจากเราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฟอกหนัง ที่มีความพร้อมทั้งทางด้านการเงินและการทำตลาด ขณะที่เราก็มองเห็นโอกาสที่ดีในการลงทุนและมองเห็นศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทร่วมทุน ซึ่งบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่นี้ เราวางแผนจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นในราว 100 ล้านบาท โดยจะทยอยลงทุน ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นทั้งคลังสินค้า รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าสำหรับหนังทุกประเภท เพื่อป้อนสู่ตลาดในภูมิภาค ซึ่งสิ่งที่ CPL จะได้รับ นอกจากจะเป็นรายได้จากการบริหารคลังสินค้า รายได้จากธุรกิจซื้อมาขายไปแล้ว เรายังสามารถลดภาระเงินทุนหมุนเวียนและสินค้าคงคลังจากระยะเวลาการจัดหา รวมถึงระยะเวลาการเก็บวัตถุดิบที่สั้นลง พร้อมทั้งสามารถเรียกเข้าวัตถุดิบหนังได้ตามต้องการ เป็นการย่นระยะเวลาการจัดส่งจากประเทศต้นทางถึงโรงงานผลิต อีกทั้งยังสามารถควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนรวมของเราลดลงอีกด้วย” นายสุวัชชัยกล่าว