นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่าสำหรับสัปดาห์นี้ ปัจจัยที่ต้องติดตามการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 5 สิงหาคม นี้ ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ ซึ่งในมุมมองของ บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่า กนง. จะยังไม่ลด เนื่องจาก ปัจจุบันเงินบาทอ่อนค่าลงมากว่า 4% จาก 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ?เป็น 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถ้าลดดอกเบี้ยตอนนี้ จะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงไปอีก ซึ่ง กนง.?น่าจะดูผลของการลดดอกเบี้ยคราวก่อนและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลต่อเศรษฐกิจก่อน ที่จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป
ด้านต่างประเทศ จะต้องติดตามตัวเลข Non-farm payroll ของสหรัฐฯ ที่จะออกในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ? (Federal Reserve) จะขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไหร่ ซึ่งถ้าตัวเลขออกมาดีมาก ๆ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน กันยายน นี้
นอกจากนี้ จะต้องติดตามมาตรการของภาครัฐที่จะเข้ามาสนับสนุนตลาดหุ้นจีน หลังจากที่ถูกเทขายอย่างมาก ในช่วงที่ผ่านมา ด้านยุโรป สัปดาห์นี้ น่าจะดูสดใสกว่าตลาดอื่น หลังจากที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ออกมาดี และปัจจัยเรื่องกรีซหมดไป และอีกปัจจัยที่สำคัญ คือ ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 47-48 USD/บาร์เรล หลังจากที่เคยต่ำสุดในปีที่แล้วประมาณ 43-46 USD/บาร์เรล ซึ่งตรงนี้ นักลงทุนจะต้องระมัดระวัง เนื่องจากจะมีผลต่อกำไรของบริษัทน้ำมันในประเทศไทย และอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงได้ แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า ราคาน้ำมันดิบ WTI จะไม่ต่ำกว่า 40 USD/บาร์เรล เพราะระดับดังกล่าวน่าจะเป็นต้นทุนของผู้ผลิต Shale gas / Shale oil ในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าราคาต่ำกว่านี้ จะทำให้พวกต้นทุนสูงกว่านี้หยุดการผลิตน้ำมัน
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สัปดาห์นี้ มองกรอบ SET Index ที่ 1,414-1,453 จุด โดยแนะนำให้ผู้ลงทุนใช้ กลยุทธ์การเลือกลงทุนในหุ้นความเสี่ยงต่ำ และแนะนำให้เริ่มเก็บหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี เพราะมองว่าตลาด น่าจะใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว นอกจากนี้ แนะนำให้ลงทุนในหุ้น Turnaround ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน
ด้าน Trading idea สัปดาห์นี้ แนะนำลงทุนในหุ้น SCC ของ บมจ. ปูนซีเมนต์ไทย เพราะมี แนวโน้มการขยายตัวของกำไร ตัวเลขจาก Bloomberg consensus ที่ระดับ 20% ? ในปีนี้ และปีหน้าที่ระดับ 8-9% เนื่องจาก ธุรกิจปิโตรเคมีฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยผลประกอบการไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.39 หมื่นล้าน คิดเป็นการเติบโต 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (qoq) และ 63% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (yoy)
ด้านธุรกิจก่อสร้าง ช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมายังไม่โตมากนัก เพราะยังเป็นช่วงของการประมูลอยู่ แต่จะเริ่มขยายตัวชัดเจนในไตรมาส 3 เนื่องจาก โครงการภาครัฐน่าจะเริ่มมีความชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ ที่ผ่านมา SCC ได้จ่ายเงินปันผลครึ่งปี หุ้นละ 7.50 บาท คิดเป็น Dividend yield 2.8% ต่อปี ซึ่งถือว่าน่าสนใจ
"บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อ SCC โดยในด้านเทคนิค ได้มีสัญญาณซื้อในกราฟรายวัน และรายเดือน แม้ว่า กราฟรายสัปดาห์ ยังเป็นสัญญาณขายอยู่ แต่น่าจะกลับเป็นสัญญาณซื้อเร็ว ๆ นี้ ด้าน Valuationตอนนี้ SCC เทรดอยู่ที่ P/E 15.7 เท่า และมีอัตราส่วน PEG สำหรับปีนี้ที่ 0.75 ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งถือว่าไม่แพง และถือเป็นหุ้น Cyclical หรือหุ้นที่ขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น ในช่วงเศรษฐกิจที่เราคาดว่ากำลังจะอยู่ในขาขึ้นนี้ SCC จึงเป็นหุ้นที่เหมาะกับการซื้อลงทุนระยะยาว และราคาเป้าหมาย Bloomberg consensus ให้ที่ 569 บาท" นายวรุตม์กล่าว