นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไฟฟ้า (PPA) แล้วจำนวน 460 เมกะวัตต์ และพร้อมที่จะจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปีนี้ตามเป้า 500 เมกะวัตต์ เนื่องจากบริษัทได้มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งจากการลงทุนเอง และการซื้อกิจการ โดยล่าสุดคณะกรรมการมีมติอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (SSE) ซึ่งถือหุ้น 100% ของทุนจดทะเบียน โดยบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด (SUPERE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนในโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กําลังการผลิตรวม 290.05 เมกะวัตต์ โดยการเข้าซื้อหุ้นและ/หรือรับโอนสิทธิและ/หรือเพิ่มทุนใหม่ รวมทั้งสิ้น 5 รายการดังนี้
รายการที่ 1 อนุมัติการซื้อหุ้นและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท พาวเวอร์ เทคโนโลยีอินเตอร์เนชั่นแนลจํากัด (PTI) ทั้งนี้ PTI เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) จํานวน 9 โครงการขนาดรวม 55.6 เมกะวัตต์ซึ่ง ปัจจุบันได้รับหนังสือแจ้งผลพิจารณาการรับซื้อไฟฟ้า (Letter of Intent “LOI”) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้ว โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 3,719.44 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 3,447 ล้านบาท และมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของ PTI จํานวน 272.44 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน PTI ในสัดส่วน 49% ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด
รายการที่ 2 อนุมัติการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท เอ็นเนอร์ จี เซิฟ จํากัด (ESERVE) ทั้งนี้ ESERVE เป็นเจ้าของกรรมสิทธิทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจาก Solar Cell จํานวน 13 โครงการขนาดรวม 81.45 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันได้รับLOI กับการไฟฟ้ าส่วนภูมิภาคแล้ว โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดรวม ไม่เกิน 5,453.72 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 5,050 ล้านบาท และมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของESERVE ทั้งทางตรงและทางอ้อมจํานวน 403.72 ล้าน ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน ESERVEในสัดส่วน 49% ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด
รายการที่ 3 อนุมัติการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท อินฟิ นิท อัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเนอร์ยี่จํากัด (IAE) ทั้งนี้ IAE เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ใน บริษัท รางเงิน โซลูชั่น จํากัด (RNS) ในสัดส่วน 99.98% ของทุนจดทะเบียน โดย RNS มี PPA กับการไฟฟ้าภูมิภาคแล้ว จํานวน 11 โครงการ ขนาดรวม 87 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดรวม ไม่เกิน 5,922 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 5,632 ล้านบาท และมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของ IAE 290 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน IAEในสัดส่วน 33% ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด
รายการที่ 4 อนุมัติการซื้อหุ้นและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท อามานูฟจํากัด (AMN) โดย SSE จะเข้าลงทุนใน AMN ซึ่งเป็ นผู้รับโอนสิทธิประโยชน์ในคําขอจําหน่ายไฟฟ้าระบบพลังงานแสงอาทิตย์และสิทธิประโยชน์ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าภูมิภาค จํานวน 5 โครงการขนาดรวม 30 เมกะวัตต์จากบริษัท เอ็น.พี.เอส.สตาร์กรุ๊ป จํากัด (NPS) มีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 2,056 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 1,860 ล้านบาท และมูลค่าการรับโอนสิทธิจาก NPS จํานวน 196 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน AMN ในสัดส่วน 49% ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด
รายการที่ 5 อนุมัติการซื้อหุ้นและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท ศรีนาคา พาวเวอร์จํากัด (SNP) โดย SSE จะเข้าลงทุนใน SNP ซึ่งเป็ นผู้รับโอนสิทธิประโยชน์ในคําขอจําหน่ายไฟฟ้าระบบพลังงานแสงอาทิตย์
และสิทธิประโยชน์ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าภูมิภาค จํานวน 6 โครงการขนาดรวม 36 เมกะวัตต์จาก NPS มีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 2,392 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 2,232 ล้านบาท และมูลค่าการรับโอนสิทธิจากNPSจํานวน 160.40 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน SNPในสัดส่วน 49% ของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด
การลงทุนทั้ง 5 โครงการคิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 19,543.16 ล้านบาท สำหรับแหล่งเงินลงทุนที่จะใช้ในการลงทุนดังกล่าวจะมาจากการเพิ่มทุนและการแปลงสภาพวอร์แรนต์ โดยคาดว่าจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 18,850 ล้านบาท โดยมาจากการแปลงสภาพวอร์แรนต์ รุ่นที่ 1,2 และ 3 รวม 13,850 ล้านบาท และการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทไม่เกิน 2 พันล้านหุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท