JMART รุกตลาดมือถือต่อเนื่อง ชี้แนวโน้มครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก

จันทร์ ๑๗ สิงหาคม ๒๐๑๕ ๑๖:๒๖
JMART เผย แนวโน้มธุรกิจโทรศัพท์มือถือในช่วงครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งปีแรก จากสินค้าใหม่ทยอยออกสู่ตลาด บวกกับเน้นจำหน่ายสินค้ามาร์จิ้นสูงเพิ่ม นอกจากนี้ ธุรกิจบริษัทลูก JMT และ JAS ASSET สดใสต่อเนื่อง "อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา" มั่นใจ ผลประกอบการทั้งปีออกมาดีกว่าปีก่อน ประกอบกับการเข้าถือหุ้นใหญ่ SINGER ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นภาพธุรกิจชัดเจนในปี 59 เสริมความแข็งแกร่งให้ JMART GROUP ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ผลงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 123.41 ล้านบาท รายได้จากการขายและบริการ 4,208.73 ล้านบาท

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยถึง แนวโน้มธุรกิจโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงที่มีสินค้ารุ่นใหม่ทยอยออกสู่ตลาด เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นตลาดและยอดขายได้ เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังเน้นจำหน่ายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ประกอบกับพัฒนาช่องทางการขายผ่านออนไลน์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในขณะนี้ โดยเน้นสินค้าที่เป็นอุปกรณ์เสริมมือถือที่จะเข้ามาปรับรุกการขายให้ตรงกับ ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคมากขึ้น

สำหรับธุรกิจของบริษัทลูกยังคงมีแนวโน้มการเติบโตสูง โดยเฉพาะธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ซึ่งเดินหน้าซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันภาพรวมหนี้ NPL ในระบบมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้สถาบันการเงินและหน่วยงานต่าง ๆ ขายหนี้ออกมามากขึ้น ส่วนธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าของ JAS ASSET ที่อยู่ระหว่างยื่นแบบคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คาดว่าจะสามารถเข้าทำการซื้อขายได้ภายในปี 2558 นี้ ภาพรวมธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตที่ดี อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมาเข้าไปรุกธุรกิจบริหารโครงการในรูปแบบของศูนย์การค้าชุมชน โดยใช้ชื่อว่า "The JAS" ปัจจุบันมีจำนวน 2 โครงการ ที่สาขาวังหิน และลาดปลาเค้า เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้ JMART GROUP มากยิ่งขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเข้าไปซื้อหุ้น SINGER ในช่วงก่อนหน้านี้ น่าจะเห็นความร่วมมือที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นไป ส่วนในปีนี้ JMART คงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนที่ถือหุ้นเข้ามาในไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ ซึ่งยังคงไม่มีนัยสำคัญอะไรมากนัก พร้อมทั้งคาดว่าการลงทุนครั้งนี้จะถึงจุดคุ้มทุน ภายใน 2-3 ปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างมองหาโอกาสจากการเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ เพิ่มเติมอีก เพื่อสร้างการเติบโตให้ JMART GROUP ในระยะยาวได้

"รายได้ของกลุ่มบริษัทในปี 58 ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังไม่ได้รวมผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเข้าไปลงทุนใน SINGER โดยเชื่อว่า หากรวมผลประโยชน์เข้ามาจะสนับสนุนให้เป้าหมายรายได้ในปีนี้มีแนวโน้มทะลุ เป้าที่วางไว้ ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างทยอยเพิ่มช่องทางการขายโทรศัพท์มือถือในโชว์รูมของ SINGER ประมาณ 50 สาขาในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งตั้งเป้าเพิ่มยอดขายได้อีก 1 พันล้านบาท ภายในปี 2559 รวมทั้ง ใช้สาขา SINGER ในการเพิ่มช่องทางให้ JMT บริหารหนี้ได้เพิ่มเติมอีกด้วย" นายอดิศักดิ์ กล่าว

งบการเงินรวมงวดประจำไตรมาส 2/2558 มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 49.90ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 90.87 ล้านบาท คิดเป็นการปรับลดลง 40.97 ล้านบาท หรือ 45% เป็นผลจากบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการลดลงอยู่ที่ 2,079 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 2,130.94 ล้านบาท คิดเป็นการปรับลดลง 2.44%

โดยรายได้ที่ปรับลดลงเป็นผลจาก บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าลดลง 119.19 ล้านบาท หรือลดลง 6.22% เนื่องจากปริมาณการขายและราคาเฉลี่ยต่อเครื่องลดลง ส่วนรายได้จากการติดตามหนี้สินและบริการอื่น เพิ่ม ขึ้น 49.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 43.07% เนื่องจากการซื้อหนี้เข้ามาบริหารและสามารถ ติดตามหนี้ได้มากขึ้น และรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 17.95 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18.10% จากการปรับค่าเช่าพื้นที่และขยายพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีรายได้อื่นๆ อยู่ที่ 133.38 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 94.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.32 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 41.80 เป็นผลจากบริษัทฯ มีรายได้ค่าส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น 42.84% จากการได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์มือถือ

สำหรับกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 273.46 ล้านบาท คิดเป็นการปรับลดลง 47.27 ล้านบาท หรือ14.74% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ โดยรวม ปรับตัวลดลงในส่วนของรายได้จากการขายสินค้า

งบการเงินรวมงวดครึ่งปีแรกของปี 2558 มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 123.41 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 175.93 ล้านบาท คิดเป็นการปรับลดลง 29.85% ส่วนรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 4,208.73 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 4,397.34 ล้านบาท คิดเป็นการปรับลดลง 4.28%

"ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ภาพรวมธุรกิจโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ JMART มีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง ประกอบกับการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรง ในขณะที่ธุรกิจของบริษัทลูกยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม โดยปกติในช่วงครึ่งปีหลังธุรกิจโทรศัพท์มือถือจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี กว่าครึ่งปีแรก และมั่นใจ จะสนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้" นายอดิศักดิ์ กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest