ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
นายนาวินกล่าวถึงรายละเอียดของกองทุนต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอส (KEFF6MBS) จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก Bank of China, ตราสารหนี้ Isbank, ประเทศตุรกี, ตราสารหนี้ T.C. Ziraat Bankasi A.S., ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Banco Bradesco S.A., ประเทศบราซิล โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า “ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงมีความผันผวนค่อนข้างสูง สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะความกังวลต่อปัญหาเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ทำให้เกิดแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงเข้ามาหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดกรณีปัญหาระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ดังนั้นสำหรับผู้ที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มาก แนะนำให้ชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงดังกล่าว และรอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หรือสามารถเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการที่บลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายเป็นประจำทุกสัปดาห์”
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KEFF6MBS สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com