สำหรับไตรมาส 4/2558 ธนาคารมีกำไรสุทธิ (ก่อนสอบทาน) จำนวน 11,795 ล้านบาท ลดลง 3.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้น
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวถึงผลประกอบการในปีนี้ว่า "ในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยากลำบากของภาคสถาบันการเงินรวมทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ เนื่องจากมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ธนาคารมีผลประกอบการลดลงจากปีก่อน ในภาวะที่เศรษฐกิจของโลกและประเทศไทยชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ธนาคารได้มุ่งเน้นที่จะดูแลช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารอย่างใกล้ชิดไปพร้อมกับการบริหารความเสี่ยงในทุกๆ ด้านอย่างเข้มข้น"
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิในปี 2558 เพิ่มขึ้น 2.1% จากปี 2557 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินฝาก ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ของธนาคารในการลดต้นทุนเงินฝาก รวมทั้งจากการเติบโตของสินเชื่อในระดับปานกลาง ถึงแม้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในครึ่งปีแรกของปี 2558
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในปี 2558 เพิ่มขึ้น 16% จากปี 2557 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากกำไรจากการขายเงินลงทุนตราสารทุนที่บันทึกในไตรมาส 3/2558 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการตั้งสำรองที่สูงในไตรมาสดังกล่าว ในขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการ และรายได้จากธุรกรรมปริวรรตเงินตราต่างประเทศยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2558 อยู่ที่ 2.89% เพิ่มขึ้นจาก 2.11% ณ สิ้นปี 2557 แต่ลดลงจาก 3.02% ในไตรมาสก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสินเชื่อด้อยคุณภาพส่วนใหญ่เกิดจากบริษัท SSI ซึ่งได้ถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพในไตรมาส 3/2558 และจากลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และลูกค้าสินเชื่อเคหะ ตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในขณะเดียวกัน หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 16,509 ล้านบาทเป็นจำนวน 29,723ล้านบาท ในปี 2558 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรสุทธิลดลงในปีนี้ แต่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงเป็น 109.8% ณ สิ้นปี 2558 จาก 138.1% ณ สิ้นปี 2557 แต่สูงกว่าระดับ 100.8% ณ สิ้นไตรมาสก่อน
นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า "ผลประกอบการประจำปี2558 ได้ลดลงจากสาเหตุหลายอย่างรวมทั้งจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ แต่คณะผู้บริหารและพนักงานจะยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ธนาคารไทยพาณิชย์มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้ต่อไปในอนาคต จากการวางกลยุทธใหม่ๆ ที่ได้ริเริ่มตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งขับเคลื่อนจากความร่วมมือร่วมใจของชาวไทยพาณิชย์ และหวังว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ในการเป็นธนาคารที่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น พนักงาน และสังคมเลือก"