นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานงวดประจำปี 2558 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 6,340 ล้านบาท เติบโต 2.6% จากปี 2557 ที่มีรายได้จากการขาย 6,179 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิ 813 ล้านบาท ลดลง 24.7% จากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 1,079 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าโฆษณาที่เพิ่มสูงขึ้นหลังการเปิดตัวแบรนด์ไบเล่ ทั้ง 2 รสชาติ เข้าสู่ตลาดน้ำผลไม้ไม่อัดลม
สำหรับภาพรวมธุรกิจตลาดชาพร้อมดื่มในปี 2558 ตลอดทั้งปีที่ผ่านมามีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น แต่ทั้งนี้ อิชิตันยังคงรักษาผลงานอย่างเต็มที่ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุด ทั้งยอดขายและกำไรเป็นสำคัญ และครองแชมป์ส่วนแบ่งการตลาดในตลาดชาพร้อมดื่มเป็นอันดับ 1 เป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องกัน ด้วยส่วนแบ่งสูงถึง 43.4 % ของตลาดชาพร้อมดื่มที่มีมูลค่า 15,574 ล้านบาท (ข้อมูลจากดัชนีตัวเลขค้าปลีก Nielsen ม.ค. - ธ.ค. 2558)
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงาน ประจำปี 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 9 พฤษภาคม 2559 และวันที่จ่ายปันผลวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ตอกย้ำการเป็นหุ้นปันผลดีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
นายตันกล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2559 อิชิตันยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ทั้งจากสินค้าในกลุ่มเดิม อิชิตัน กรีนที, เย็นเย็น และน้ำผลไม้ไบเล่ ที่ได้มีการส่งกลยุทธ์การปรับขนาดให้มีความหลากหลายถึง 7 ขนาด คือตั้งแต่ 290 – 840 มิลลิลิตร ราคาตั้งแต่ 10 - 27 บาท นอกจากนี้ เตรียมแตกไลน์สินค้าเครื่องดื่มเพิ่มเติมอีกที่อยู่นอกเหนือจากชาพร้อมดื่ม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดภายในไตรมาส 3/2559 เป็นต้นไป เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มอย่างครอบคลุม
นอกจากนี้ ในช่วงหน้าร้อน ที่เป็นไฮซีซั่นของธุรกิจเครื่องดื่มนั้น อิชิตัน กรุ๊ป ได้เปิดตัวซัมเมอร์โปรโมชั่น "อิชิตัน รหัสรวยเปรี้ยง ตอนรางวัลแห่งชีวิต" แจกรางวัลยิ่งใหญ่ที่ทุกคนฝันอยากครอบครอง คือคอนโดหรูห้อง Duplex 2 ชั้น กลางซอยทองหล่อ มูลค่า 15 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล และคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดอะ ริเวอร์ บายไรมอน แลนด์ มูลค่า 10 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล นอกเหนือจากรถยนต์ เมอร์ซิเดส เบนซ์ รุ่น GLA 200 URBAN จำนวน 28 คัน ซึ่งเป็นการตอกย้ำความสำเร็จอย่างสูงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา รวมมูลค่าทั้งสิ้น 83.52 ล้านบาท เริ่มส่งรหัสตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 21 เมษายน 2559 คาดว่าจะสามารถดันตลาดชาพร้อมดื่มปี 2559 โต 10%
สำหรับการเปลี่ยนมือของผู้ถือครองหุ้นใหญ่ในห้างค้าปลีกแห่งหนึ่งนั้น เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันต้องแข่งขัน ในเรื่องคุณภาพ และความหลากหลายของสินค้าให้กับผู้บริโภค ดังนั้นทางบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเป้าหมายการเติบโตของบริษัทฯ