นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 118 บริษัท (จาก 122 บริษัท ไม่รวมบริษัทที่ส่งงบการเงินไม่ตรงตามกำหนด และบริษัทที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานประจำปี 2558 พบบริษัทที่มีกำไรสุทธิจำนวน 87 บริษัท คิดเป็น 74% ของ บจ. ที่ส่งงบการเงินทั้งหมด โดย บจ. mai มียอดขายรวม 124,826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ต้นทุนรวมอยู่ที่ 94,453 ล้านบาท ลดลง 2.16% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นจาก 21.27% เป็น 24.33% และกำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้นเป็น 5,718 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 10.19%
"ภาพรวมผลการดำเนินงานของ บจ. mai ในปี 2558 ยังคงเติบโตจากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานทดแทนที่เริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุน มีการจำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น แต่ยังมี บจ. บางส่วนที่อยู่ระหว่างการขยายการลงทุนทำให้ค่าเสื่อมราคาและต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น หากมองตามกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่ามี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มธุรกิจการเงิน และกลุ่มทรัพยากร" นายประพันธ์กล่าว
ทั้งนี้ พบ 8 บจ. ที่มีกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2556-2558 ได้แก่ บมจ. อัคคีปราการ (AKP) บมจ. แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) บมจ. บางกอก เดค-คอน (BKD)บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) บมจ. อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) บมจ. แกรททิทูด อินฟินิท จำกัด (GIFT) บมจ. นิวพลัสนิตติ้ง (NPK) และ บมจ. โรงพยาบาลไทยนครินทร์ (TNH)
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 122 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 4 มีนาคม 2559) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 495.88 จุด ลดลง 5.12 % จากต้นปี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 309,420 ล้านบาท อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่54.89 เท่า มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 1,334 ล้านบาทต่อวัน