นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนขยายสาขาในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ AEC เนื่องจากมองว่าตลาด AEC มีศักยภาพและขยายตัวได้ดี ซึ่งแผนขยายสาขาดังกล่าวถือเป็นการรองรับความต้องการด้าน โลจิสติกส์ในระยะยาว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และเจรจากับพันธมิตรหลายรายที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจ คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
" บริษัทยังคงมั่นใจว่าทั้งปี 59 รายได้รวมจะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน เนื่องจากในปีนี้เริ่มทยอยรับรู้รายได้จากงานใหม่ด้านบริหารคลังสินค้า ซึ่งจะรับรู้รายได้เต็มปีเป็นปีแรก การขยายลานจอด เพิ่มหัวลากหางพ่วง รองรับปริมาณงานในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ที่เป็นตลาด Consumer ขนาดใหญ่ ประกอบกับรายได้จากลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ในส่วนงานขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เข้ามาช่วยเสริมผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจากการขนส่งระหว่างประเทศ 70% และงานให้บริการพิธีการศุลกากร ขนส่งในประเทศ และงานบริการจัดการคลังสินค้าอยู่ที่ 30% ส่วนอัตรากำไรสุทธิปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 9-10% และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25-26%" นางอารยา กล่าว
ส่วนภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ช่วงต้นปี 59 ที่ผ่านมา มองว่ามีการชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจบริหารคลังสินค้าเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/58 จึงประเมินว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/59 จะเติบโตไปในทิศทางที่ดี อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงไตรมาส 2/59ภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์จะปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ
สำหรับผลประกอบการปี 58 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 689.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น1.88 % จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมที่ 676.77 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 60.59 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 62.44 ล้านบาท ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลให้อัตราหุ้นละ 0.07บาท สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 58 โดยการจ่ายเงินปันผลจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 25 ก.พ. 59 ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 26 ก.พ. 59 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันจันทร์ที่ 16 พ.ค. 59