นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO Economic Strategy Unit: TISCO ESU) กล่าวว่า ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นแรงในช่วงเดือนที่ผ่านมา นำโดยตลาดยุโรปและญี่ปุ่นรวมถึงจีนที่ปรับตัวขึ้นราว 10-15% ตาม Sentiment ของตลาดเริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้แก่ การคลายความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การฟื้นตัวของราคาน้ำมัน ประกอบกับการแข็งค่าของเงินหยวนและการชะลอตัวของกระแสเงินทุนไหลออกจากจีน ซึ่งเป็นไปตามที่ TISCO ESUคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ Fund Flow เริ่มกลับมาเข้าสินทรัพย์เสี่ยงหลังจากความกังวลเริ่มคลี่คลายลง โดยในตลาดหุ้น เงินทุนได้เริ่มไหลกลับมาเข้าในตลาดเกิดใหม่เป็นครั้งแรกนับจากเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว เราเชื่อว่าตลาดหุ้นอินเดียจะเป็นตลาดแรกๆ ที่ได้ประโยชน์จาก Fund Flow ที่ไหลกลับมาลงทุน เนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเติบโตของกำไรในตลาดหุ้นที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ประกอบกับความพยายามปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อให้เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว โดยรัฐบาลอินเดียมีแผนลดยอดขาดดุลการคลังลงให้เหลือ 3.5% โดยการเพิ่มภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยและขึ้นภาษีของคนรายได้สูง ในขณะที่แผนการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เราจึงแนะนำ Overweight ตลาดหุ้นอินเดีย
ทั้งนี้ จากข้อมูลของ Bloomberg กำไรของบริษัทจดทะเบียนของอินเดียในไตรมาส 4 ออกมามากกว่าตลาดคาดถึง13.17% และยอดขายมากกว่าคาด 11.25% ซึ่งชี้ว่าความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังแข็งแกร่งแม้ตลาดการเงินจะมีความผันผวนมาก นอกจากนั้นงบประมาณประจำปี 2016/2017 ยังเน้นกระจายการลงทุนสู่ชนบท เพิ่มกำลังซื้อให้ผู้มีรายได้น้อย โดยรัฐบาลได้ออกนโยบายที่เน้นกระจายการลงทุนสู่ชนบท อาทิ การสร้างถนน ระบบไฟฟ้า และน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมทั้ง ลดภาษีให้แก่ผู้มีรายได้น้อย โดยการเพิ่มเพดานจำนวนเงินขอคืนภาษี จาก 2,000 เป็น 5,000 รูปี และเพิ่มค่าลดหย่อนผ่อนบ้านได้ จาก 2.4 หมื่นรูปี เป็น 6 หมื่นรูปี ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการบริโภคและการลงทุน