นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) (FPI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/59 มีรายได้รวม 470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 441 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 72.18%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก ยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากการขายงาน OEM ของรถยนต์ และยอดขายในและต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นมาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยอดขายในโซนออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เพิ่มขึ้นจากการการขายงาน OEM ของรถยนต์ยี่ห้อ Suzuki ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาส 1 ของปี 2559 เท่ากับ ร้อยละ 27.37 และปี 2558 เท่ากับร้อยละ 20.80 นอกจากนี้ กำไรขั้นต้นของงานกันชนพลาสติก REM เพิ่มขึ้นจากจำนวนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง และผลจากการย้ายเครื่องจักรที่จะไปลงทุนในเอกวาดอร์มาที่ประเทศไทย ส่งผลให้กำลังการผลิตเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งกำไรขั้นต้นของงานซื้อมาขายไปเพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากค่าเงินบาทอ่อนลง ราคาต่อหน่วยจึงสูงขึ้น
"แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 10%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 1,857 ล้านบาท เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 300 ล้านบาท ยังไม่นับรวมกับออเดอร์ใหม่ที่เกิดขึ้นจากการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในอินเดีย ซึ่งมีออเดอร์เข้ามาแล้วกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรับรู้ในปี 2560"นายสมพลกล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนกับพันธมิตรในประเทศอินเดีย ภายใต้ชื่อ ALP FPI PARTS PRIVATE LIMITED ได้เริ่มก่อสร้างแล้วในเดือนพฤษภาคม 2559 คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 4/59 มูลค่าลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีออเดอร์ที่คาดว่าจะได้กว่า 300 ล้านบาท รับรู้รายได้ในปีนี้ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือรับรู้รายได้ในปี 2560
ทั้งนี้ การร่วมลงทุนของ FPI กับพันธมิตรในประเทศอินเดียในครั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต ขายส่งชิ้นส่วนและอุปกรณ์รถยนต์ในประเทศอินเดีย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเป็นผู้นำในการผลิต ขายส่งชิ้นส่วนและอุปกรณ์รถยนต์ไปในประเทศอินเดีย สอดคล้องแผนการดำเนินธุรกิจใน 5 ปี ข้างหน้า เดินหน้าขยายสาขาใน 5 ประเทศทั่วโลก โดยสนใจประเทศตุรกี อินเดีย อเมริกา จีน และเม็กซิโก