NETBAY ผู้นำการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ e-Logistics Trading และ e-Business Services ครบวงจร พร้อมขาย IPO 40 ล้านหุ้น ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ

จันทร์ ๒๓ พฤษภาคม ๒๐๑๖ ๑๒:๒๐
'บมจ.เน็ตเบย์' ผู้นำการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการด้าน e-Logistics Trading และ e-Business Services ครบวงจร ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิตอล (Digital Economy) ของประเทศไทย เตรียมเสนอขายหุ้น IPO 40 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขอฯ คาดพร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เดือน มิ.ย. นี้ โดยมี บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย ด้านผู้บริหาร 'เน็ตเบย์' ชูจุดแข็งที่มีทีมงานที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ในการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี Software as a Service (SaaS) เป็นรายแรกของไทย ตอบโจทย์ธุรกิจ ช่วยอำนวยความสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนและลดต้นทุนในการทำธุรกรรมการค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมมั่นใจธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 40 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต.ได้อนุมัติแบบคำขอฯของ บมจ.เน็ตเบย์ แล้ว

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บมจ.เน็ตเบย์ มีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 160 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้น IPO อีกจำนวน 40 ล้านหุ้น โดยจะนำเงินที่ได้จากระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ในการขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียน

สำหรับ บมจ.เน็ตเบย์ เป็นผู้นำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์และบริการด้าน e-Logistics Trading และ e-Business Services ครบวงจร ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิตอล (Digital Economy) ของประเทศไทย โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง

เกตเวย์ให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลการค้าผ่านระบบออนไลน์พร้อมกัน ณ จุดเดียว ระหว่างภาคธุรกิจและภาครัฐ (B2G) ภาคธุรกิจและภาคธุรกิจ (B2B) และภาคธุรกิจกับภาคประชาชน (B2C) ด้วยการนำเทคโนโลยี ไพรเวท คลาวด์ คอมพิวติ้ง (Private Cloud Computing) มาให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAY กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจมากว่า 10 ปี โดยพัฒนาเทคโนโลยีซอฟท์แวร์ e-Logistics Trading และ e-Business Services ที่ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ (ลูกค้าที่ใช้บริการ) กลางน้ำ (ระบบ Gateway ของบริษัทฯ) และปลายน้ำ (การเชื่อมโยงการทำธุรกรรมกับหน่วยงานต่างๆ) อย่างครบวงจร เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางการให้บริการรับ-ส่งและเชื่อมโยงข้อมูลทางออนไลน์ระหว่างหน่วยงานต่างๆ จากจุดเดียว (Omni Channel Connectivity Gateway) ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ศูนย์ประมวลผล ศูนย์ประมวลผลสำรอง ระบบซอฟท์แวร์ปฏิบัติการที่ใช้รองรับการทำธุรกรรมรับ-ส่งข้อมูล ระบบเครือข่ายและระบบป้องกันความปลอดภัยข้อมูลเพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกรวดเร็ว ลดขั้นตอนและลดต้นทุนจากการรับ-ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อทดแทนการใช้เอกสาร

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม ICT ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้จัดจำหน่ายและติดตั้งอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์และเน็ตเวิร์ค ให้แก่ลูกค้าภาครัฐหรือเอกชนเป็นรายโครงการ (Software Integrators) หรือเป็นผู้ประกอบการที่รับจ้างผลิตและพัฒนาซอฟท์แวร์ (Software House) ขณะที่ บมจ.เน็ตเบย์ นับเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ให้บริการในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) หรือซอฟท์แวร์ที่ให้บริการผ่านระบบออนไลน์ ภายใต้แนวคิด Better Faster Cheaper โดยลูกค้าจะไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนซื้อซอฟท์แวร์ รวมถึงไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์และค่าบำรุงรักษารายปี ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลผ่านระบบออนไลน์เพื่อทดแทนการใช้เอกสาร รวมถึงช่วยควบคุมต้นทุนเนื่องจากจะคิดค่าใช้บริการตามปริมาณการใช้งานจริง หรือคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน ส่งผลให้กระแสรายได้ของบริษัทฯ มีความมั่นคงและสม่ำเสมอ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลของลูกค้า การให้บริการ การพัฒนาระบบการตลาด การลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าเข้ามาใช้บริการธุรกรรมออนไลน์ผ่านระบบของเน็ตเบย์มากขึ้น

โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีบริการแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มบริการ e-Logistic เป็นการให้บริการรับ-ส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร เกี่ยวกับสินค้าและการขนส่งที่เกิดขึ้นภายในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น บริการรับ-ส่งข้อมูลธุรกรรมเอกสารการค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ บริการรับ-ส่งข้อมูลธุรกรรมพิธีการทางศุลกากร 2.กลุ่มบริการ e-Business Services ได้แก่ การรายงานข้อมูลธุรกรรมลูกค้าที่ทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าและ 3.กลุ่ม Projects และอื่นๆ ได้แก่ การพัฒนาระบบงานสารสนเทศภายในให้แก่หน่วยงานต่างๆ

"เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้ประจำที่มีความมั่นคงในระยะยาวและผลักดันการเติบโตจากการขยายเครือข่ายการให้บริการไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เพื่อเพิ่มปริมาณผู้ที่มาใช้บริการธุรกรรมออนไลน์ เนื่องจากนโยบายของภาครัฐและภาคเอกชนจะใช้การรับ-ส่งข้อมูลทางระบบออนไลน์เพิ่มขึ้นทดแทนการใช้เอกสาร ขณะที่รัฐบาลก็มีนโยบายพัฒนาประเทศไปสู่เศรษฐกิจยุคดิจิตอล (Digital Economy) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของเน็ตเบย์ในอนาคต" นายพิชิต กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest