นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล เหล่าจินดา ประธานกรรมการ บริษัท อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ IRC เผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2559 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 144.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 138.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.74% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 104.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37.66% นับเป็นการทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใต้สภาวะเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบัน ทั้งนี้คาดการณ์ผลประกอบการทั้งปีแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางบวก โดยประมาณการยอดผลิตรถยนต์ที่ระดับ 2 ล้านคัน และรถจักรยานยนต์ 1.89 ล้านคัน และการขยายตัวของยอดส่งออกผลิตภัณฑ์
ธุรกิจของ IRC คือ การประกอบธุรกิจด้านการผลิตภัณฑ์ยาง Elastomer เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และการผลิตยางนอก-ยางในของรถจักรยานยนต์ โดยหนึ่งในวัตถุดิบหลักในกระบวนการผลิตของบริษัทฯ คือ ยางธรรมชาติในประเทศ ซึ่งมีอัตราการใช้ถึง 1,800 ตันต่อปี นำมาซึ่งการสนองนโยบายรัฐบาลโดยการพัฒนาโครงการความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ กับชาวสวนยางพารา "สหกรณ์คลองปาง" จังหวัดตรัง โดยบริษัทฯ ได้เข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างมาตรฐาน ไปจนถึงกระบวนการแปรรูปเป็นยางแผ่นเพื่อวัตถุดิบมาตรฐาน ให้ตรงกับความต้องการของบริษัทฯ รวมทั้งการพัฒนาระบบ ISO 9001: 2015 ให้เกษตรกรได้ผลิตยางธรรมชาติที่มีมาตรฐานเป็นที่เชื่อถือ และมีศักยภาพการแข่งขันในตลาด ส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้และความมั่นคงในอาชีพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
มากกว่านี้ IRC ยังได้มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต โดยการเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ในการพัฒนา SMEs ในเครือข่ายของบริษัทฯ เบื้องต้นกว่า 20 ราย เพื่อเพิ่มผลิตภาพ อาทิ การลดของเสีย การลดต้นทุน การเพิ่มยอดขายฯลฯ ตลอดจนพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs อันเป็นพลังขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล
สำหรับภาพรวมครึ่งปีหลังของอุตสาหกรรมยานยนต์ ยอดขายในประเทศ มองว่า มีแนวโน้มชะลอตัวตามกำลังซื้อและภาวะหนี้ครัวเรือน ส่วนยอดการส่งออก คาดว่า มีทิศทางที่ดีขึ้น จากการผลักดันของค่ายผู้ผลิตรถยนต์ ในการสร้างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเป็นฐานในการผลิตสำคัญสู่เวทีโลก โดยเน้นด้านการวิจัยและพัฒนารองรับเทคโนโลยีขั้นสูง ต่อยอดจากฝีมือแรงงานและความเข้มแข็งของคลัสเตอร์ยานยนต์ไทยที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ถือเป็นการยกระดับนวัตกรรม และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระยะยาว ซึ่งบริษัทฯ ได้ตระหนักและขับเคลื่อนนวัตกรรมมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย