บลจ.กสิกรไทย ชี้ตลาดตราสารหนี้ไทยครึ่งปีหลัง ผันผวนน้อยลง พร้อมชูกองทุนหลากหลายทั้งระยะสั้น-ยาว แนะผู้ลงทุนเลือกให้ตรงความต้องการ

จันทร์ ๓๐ พฤษภาคม ๒๐๑๖ ๑๔:๔๓
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ราคาตราสารหนี้ไทยปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุมาจากแรงเทขายของนักลงทุน ภายหลังมีกระแสคาดการณ์ถึงโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนมิถุนายนนี้ ว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้น เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯหลายตัวออกมาดีกว่าที่คาด ส่วนมุมมองตลาดตราสารหนี้ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2559 นี้ บลจ.กสิกรไทยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (FED Funds Rate) อีก 1-2 ครั้ง อย่างไรก็ดี มองว่า FED ยังไม่น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมวันที่ 14-15 มิถุนายนที่จะถึงนี้ แต่มีโอกาสปรับขึ้นในครั้งถัดไป ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับที่ตลาดมองว่ามีโอกาสถึง 50% ที่ FED จะปรับดอกเบี้ยขึ้นในรอบการประชุมช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ผลกระทบของกระแสเงินทุนไหลออกหากสหรัฐฯมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นจริง คาดว่าจะกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ไทยบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากจะยังมีสภาพคล่องจากการดำเนินมาตรการ QE ของธนาคารกลางใหญ่ๆ อาทิ ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่น ที่ยังสนใจเข้ามาลงทุนในตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะในตลาดเอเชียรวมถึงไทย ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.50% ต่อปี ไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2559

"ความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยในส่วนปัจจัยต่างประเทศ เนื่องจากตลาดได้รับรู้เรื่องจังหวะการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯไปมากพอสมควรแล้ว ว่าจะเป็นแบบลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศมาจากตัวเลขผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในช่วง 4 เดือนแรกที่ออกมา มีอัตราการเติบโตของสินเชื่อติดลบ และแนวโน้มทั้งปี 59 คาดการณ์ว่าสินเชื่อจะเติบโตแค่ 4-5% สะท้อนให้เห็นถึงสภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่สูง ประกอบกับตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่ยังอยู่ในระดับเกินดุล อย่างไรก็ตาม บลจ.กสิกรไทยคาดว่า อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ไทยในครึ่งปีหลังน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี น่าจะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับ 2.1%- 2.3% ทั้งนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง แม้อาจจะให้ผลตอบแทนที่ไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยแนะนำให้เลือกกองทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงของตนเอง รวมถึงระยะเวลาที่ต้องการลงทุน" นายชัชชัยกล่าว

กองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทย ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายกองทุน สำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อยมากและต้องการพักเงินในช่วงระยะสั้นประมาณ 1-2 เดือน อาจเลือกลงทุนในกลุ่มกองทุนตลาดเงิน อาทิ กองทุน K-MONEY และกองทุน K-MPLUS โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 30% และ 50% ตามลำดับ ส่วนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุน ให้ผลตอนแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.20% ต่อปี และ 1.51% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พ.ค. 59)

ส่วนผู้ลงทุนที่ต้องการแหล่งพักเงินในช่วงระยะเวลา 3-6 เดือน พร้อมทั้งต้องการล็อกโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอน อาจเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทที่มีกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) ซึ่งบลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายเป็นประจำทุกสัปดาห์ ทั้งนี้กองทุนประเภท Term Fund ที่จะเปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2559 ประกอบด้วย 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอเอฟ (KEFF3MAF) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.70% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีแซท (KEFF6MCZ) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 2.05% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ในต่างประเทศ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ในประเทศตุรกี และประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทั้งนี้กองทุนเหมาะสำหรับผู้ที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูง โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท

นอกจากนี้สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สามารถลงทุนได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป บลจ.กสิกรไทยขอแนะนำกองทุน K-PLAN 1 ซึ่งมีนโยบายลงทุนในเงินฝาก รวมถึงตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ และด้วย Portfolio Duration หรืออายุตราสารเฉลี่ยของกองทุนที่ยาวนานขึ้น ทำให้กองทุน K-PLAN 1 สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนในกลุ่มตลาดเงินทั่วไป โดยกองทุนให้ผลตอนแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 2.77% ต่อปี และล่าสุดกองทุนยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ ส่วนผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในระยะกลางถึงยาวตั้งแต่ช่วง 1-3 ปี และสามารถรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-FIXED ที่มีนโยบายลงทุนเฉพาะในตราสารหนี้ไทย อาทิ เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงตราสารหนี้เอกชนหรือหุ้นกู้ โดยปัจจุบันกองทุนมีอายุเฉลี่ยของตราสาร (Duration) อยู่ที่ประมาณ 1-2 ปี และให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 3.36% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.62% (ข้อมูล ณ วันที่ 20 พ.ค. 59) นอกจากนี้กองทุน K-FIXED ยังได้รับรางวัลกองทุนตราสารหนี้ยอดเยี่ยมจากมอร์นิ่งสตาร์ถึง 3 ครั้งภายในระยะเวลา 5 ปี ได้แก่ ปี 2012, 2015 และ 2016

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4