บล.เออีซี มอง SET ผันผวนในช่วงอังกฤษลงประชามติ มองหากออกจากอียู ดัชนีฯอาจหลุด 1400 จุด แต่จะฟื้นตัวกลับอย่างรวดเร็ว

อังคาร ๒๑ มิถุนายน ๒๐๑๖ ๑๒:๐๕
บล.เออีซี มอง SET ผันผวนในช่วงอังกฤษลงประชามติมองหากออกจากอียู ดัชนีฯอาจหลุด 1400 จุด แต่จะฟื้นตัวกลับอย่างรวดเร็วแนะลงทุนใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้ม Outperform ชู LH -AP- SIRI- PACE- ANAN - CBG- KTC – THANI - TPCH แจ่มสุด

บล.เออีซี ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงก่อนที่อังกฤษจะลงประชามติออก-ไม่ออกจากการเป็นสมาชิกอียู ผันผวนในกรอบ 1,400-1,440 จุด ระบุหากออกจากอียู SET มีโอกาสหลุด 1,400 จุด แต่ก็มีโอกาสฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกันหากผลประชามติออกมาให้ยังอยู่ในอียู ตลาดเกิดใหม่ก็พร้อมใจผงกหัวขึ้นทันที แนะลงทุนใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้ม Outperform ชู LH -AP- SIRI- PACE- ANAN - CBG- KTC – THANI – TPCH เจ๋งสุด

นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) (AEC) เปิดเผยถึงกรณีที่อังกฤษจัดให้มีการลงประชามติเรื่องที่จะออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) หรือไม่ หรือ "Brexit" ซึ่งการโหวดจะเกิดขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายน 2559 นี้ ว่า หากอังกฤษตัดสินใจที่จะยังอยู่ต่อ ตลาดทุนจะคลายความกังวล และจะเกิดแรงขายทำกำไรในตลาดตราสารหนี้ของเยอรมันและญี่ปุ่นที่อัตราผลตอบแทนลดลงไปต่ำกว่าระดับ 0% ขณะที่ค่าเงิน EUR, GBP ราคาน้ำมัน และตลาดหุ้นเกิดใหม่จะฟื้นทันที นอกจากนี้จะมีแรงเทขายทองคำด้วย

อย่างไรก็ตาม หากผลการลงประชามติตัดสินอังกฤษออกจากอียู ภาคเศรษฐกิจมีโอกาสได้รับผลกระทบเชิงลบต่อการปรับลด GDP 10% ในปี 2559 ซึ่งอังกฤษจะมีเวลาในการปฏิรูปกฎหมายเป็นระยะเวลา 2 ปี ในกรณีนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสตอบสนองเชิงลบอย่างรวดเร็ว แต่ผลกระทบจะเกิดต่อตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศยุโรปโดยตรงมากกว่า ขณะที่ตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นดัชนีมีโอกาสหลุด 1400 จุด แต่ก็จะฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว

"แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงรอความชัดเจนจากการลงประชามติของอังกฤษ ประเมินว่าจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1400-1440 จุด ซึ่งในกรณีที่ผลการลงประชามติตัดสินอังกฤษออกจากอียู ตลาดหุ้นไทยระยะสั้นมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงหลุด 1400 จุด แต่ก็จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วจากปัจจัยสนับสนุนคือการลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรป รวมทั้งความคาดหวังเรื่องของการลดน้ำหนักในตลาด Bond และเพิ่มน้ำหนักในตลาดทุนหลังจบประเด็นเรื่องประชามติอังกฤษ รวมไปถึงเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งจะทำได้ยาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ" นายเกรียงไกรกล่าว

ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) (AEC) กล่าวอีกว่า หลังวันที่ 23 มิ.ย. นี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แนะนำให้หาจังหวะเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้ม Outperform ประกอบด้วย 1.หุ้นในกลุ่มที่อยู่อาศัย ได้แก่ LH - AP- SIRI- PACE- ANAN 2.กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ได้แก่ CBG- MALEE เนื่องจากมีแนวโน้มปรับเพิ่มผลการดำเนินงาน 3.กลุ่มเช่าซื้อได้แก่ KTC – THANI และ 4.กลุ่มพลังงานทดแทน ที่มี Event Drive การประมูลและมีผลการดำเนินงานปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ TPCH – BWG

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๑๔ องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๑๒:๑๒ การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๑๒:๔๔ DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๑๒:๑๐ JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๑๒:๒๓ นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๑๒:๕๗ Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๑๒:๒๘ โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๑๒:๑๐ STEAM Creative Math Competition
๑๒:๔๔ A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๑๒:๔๗ ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้