บลจ. กสิกรไทย จ่ายปันผล 2 กองทุนหุ้น รวมมูลค่ากว่า 125 ล้านบาท เผยหุ้นไทยยังไปต่อ จากแรงหนุนช่วงดอกเบี้ยต่ำและการฟื้นตัวในประเทศ

จันทร์ ๐๘ สิงหาคม ๒๐๑๖ ๑๕:๔๒
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมหุ้น 2 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค หุ้นปันผล (K-VALUE) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 - 31 กรกฎาคม 2559 และกองทุนเปิดรวงข้าว 4 (RKF4) ในอัตรา 0.32 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2558 - 31 กรกฎาคม 2559 โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 1 สิงหาคม 2559 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลดังกล่าวพร้อมกันในวันที่ 11 สิงหาคม 2559 นี้ รวมมูลค่าเงินปันผลทั้งสิ้น 125.19 ล้านบาท

ด้านผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นที่มีการจ่ายปันผลในครั้งนี้ นางสาวธิดาศิริกล่าวว่า อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยประวัติการจ่ายปันผลของกองทุน K-VALUE ซึ่งเมื่อรวมการจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 20 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 8.70 บาทต่อหน่วย ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 20.07% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 17.15% ด้านกองทุน RKF4 นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน มีการจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 20 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 8.89 บาทต่อหน่วย ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 20.01% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 17.15% (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ค. 59)

สำหรับมุมมองด้านการลงทุนและเศรษฐกิจภายในประเทศ นางสาวธิดาศิริกล่าวว่า จากตัวเลขคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินการเติบโตของจีดีพีปี 2559 ที่ระดับ 3% โดยในครึ่งปีหลังคาดว่าจะได้แรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขหนี้ครัวเรือนเริ่มทรงตัวอยู่ในระดับมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งปัจจัยบวกที่กล่าวมาจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ประกอบกับผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. อย่างไม่เป็นทางการ เห็นชอบรับร่างรัฐธรรมนูญเป็นจำนวนถึง 61.4% เปรียบเทียบกับไม่รับร่างที่ 38.6% โดยมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ทั้งหมด 55% ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งประเทศที่ 50.3 ล้านคน ส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ลดลง

ด้านปัจจัยต่างประเทศ ตลาดคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯน่าจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอย่างน้อยในช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ ช่วยคลายความกังวลต่อนักลงทุน และส่งผลดีในแง่เงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าในตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทย ประกอบกับสภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่สูงจากการดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินของธนาคารกลางของประเทศแกนหลักต่างๆ อาทิ ญี่ปุ่นและยุโรป อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และอาจสร้างความผันผวนในตลาดได้ และทางบลจ.กสิกรไทยคาดว่าลักษณะการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเป็นไปแบบช้าๆ ซึ่งไม่น่าเป็นกังวลมากนัก

"บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาว โดยมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้ที่ระดับ 1,550 จุด ด้วยอัตราส่วน Forward P/E ที่ระดับ 16.5 เท่า และคาดว่าในช่วงกลางปี 2560 ดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 1,640 จุด ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากภาวะอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำและยาวนานกว่าปกติ ส่งผลให้การลงทุนในหุ้นมีความน่าสนใจมากขึ้น ถึงแม้ว่าระดับราคาของตลาดได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต แต่ก็เป็นไปในทางเดียวกันกับตลาดหุ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ตลาดได้เริ่มปรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2559-2560 ว่าเริ่มมีเสถียรภาพและมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ส่วนมุมมองการลงทุนในรายอุตสาหกรรม บลจ.กสิกรไทย ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายภาครัฐที่เน้นการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศและการผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง นอกจากนี้ยังให้น้ำหนักในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรมและโรงพยาบาล ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากภาคบริการและการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง" นางสาวธิดาศิริกล่าวในที่สุด

ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K-VALUE และกองทุน RKF4 สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 02673 3888

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๓๕ อัปเดตล่าสุด กฎหมายแรงงานต่างด้าวฉบับใหม่ต้องรู้ 2567
๑๕:๑๐ อมาโด้ (amado) ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดคอลลาเจน คว้า 2 รางวัล จากเวทีธุรกิจ 2024 Thailand's Most Admired Brand (ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4) และรางวัล Brand Maker Award
๑๕:๒๒ ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี เติมฝันเด็กไฟ-ฟ้า ผ่านโชว์ Cover Dance คว้า 2 รางวัล จุดประกายศักยภาพและสร้างแรงบันดาลใจมุ่งมั่นสู่เป้าหมายที่สำคัญ
๑๕:๑๒ วว. / สสว. นำ วทน. พัฒนาขีดความสามารถการแข่งขัน SMEs จัดอบรมพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ด้วยบรรจุภัณฑ์ ฟรี
๑๓:๕๐ เถ้าแก่น้อย ครองใจผู้บริโภคคว้า 'แบรนด์ที่ผู้บริโภคชื่นชอบที่สุด' จากผลสำรวจ Thailand's Most Admired Brand
๑๓:๓๘ Bose-Backed สมาร์ทวอทช์แบรนด์ Noise เปิดตัวในไทยบน Shopee และ Lazada
๑๒:๑๗ TIDLOR ปลื้ม! หุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ มูลค่า 4,000 ลบ. ขายหมดเกลี้ยง ขอบคุณนักลงทุนที่ร่วมสร้างผลตอบแทน พร้อมกับสร้างการเติบโตให้ธุรกิจไปด้วยกัน
๑๒:๔๗ แอล.พี.เอ็น. เปิดโมเดลซัพพอร์ทคนอยากมีบ้าน เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ที่อยู่อาศัย ไม่เกิน 3 ล้าน ผุดแคมเปญ 'LPN ดูแลให้' และ 'LPN
๑๒:๓๗ สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า 'Redmi Note 13 Series' ให้คุณกดบัตรคอนเสิร์ต '2023-2024 BamBam THE 1ST WORLD TOUR ENCORE [AREA 52] in BANGKOK Presented by Xiaomi' รอบ
๑๒:๐๘ กรมโยธาฯ ใช้มาตรการเด็ดขาด ยกเลิกสัญญาจ้างงานที่ล่าช้าสร้างความเดือดร้อนประชาชน