นางจันทร์จิรา สมัครไทย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (BJCHI) ผู้ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมด้านการรับจ้างผลิต และการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมตามแบบและขนาดที่ลูกค้ากำหนด เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2559 บริษัทฯ รายได้รวมอยู่ที่ 1,766.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 913.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 107.03% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 853.24 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 191.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 179.79 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 14.55 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,869.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,612.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 71.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 2,256.33 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 530.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 55.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 341.09 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2559 และในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทเป็นที่น่าพอใจ หลังบริษัททยอยรับรู้รายได้จากปริมาณงานในมือในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซที่ประเทศบราซิล ซึ่งประกอบด้วยรายได้จาก โครงการ TUPI FPSO Mpdules (02B) และ QGI FPSO Modules และทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าแนวโน้มการเติบโตของรายได้ในปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 15%" นางจันทร์จิรา กล่าว
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2559 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากเตรียมทยอยส่งมอบงานโครงการต่างๆ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับงานใหม่ในโครงการ TUPI FPSO Modules (03B) ซึ่งเป็นงานในกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ มูลค่าโครงการประมาณ 2,800 ล้านบาท ส่งผลทำให้ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/2559 บริษัทฯ มีปริมาณงานในมือ (Backlog) รวมมูลค่าประมาณ 3,100 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ไปจนถึงปี 2560 ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานโครงการ High Potential Projects อีกมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทราบผลสรุปได้ภายในเร็วๆ นี้
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวอีกว่า ส่วนกลยุทธ์การดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2559 บริษัทฯ ยังคงแผนรักษาฐานลูกค้าเดิมซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดีต่อบริษัทฯ เสมอมา ประกอบกับมองหาตลาดต่างประเทศใหม่ๆ ทั่วโลกที่มีแนวโน้มการลงทุนในอุตสาหกรรมหนัก อาทิเช่น ในทวีปอเมริกาเหนือ เอเชีย ออสเตรเลีย รวมไปถึงโครงการในหลากหลายอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น โครงการพลังงานทดแทน โครงการโครงสร้างพื้นฐาน โครงการในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ขยายฐานลูกค้าเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของรายได้ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน