“AECS” มองดัชนีเดือนก.ย.แกว่งตัวในกรอบ 1,500 – 1,590 จุด. แนะลงทุนกลุ่มรับเหมา ชูCK-UNIQ-SYNTEC-STEC-PYLON

จันทร์ ๒๙ สิงหาคม ๒๐๑๖ ๑๕:๒๒
บล. เออีซี (AECS) มองแนวโน้มดัชนีเดือนกันยายน คาดแกว่งตัวในกรอบ 1,500-1,590 จุด จับตานโยบายการเงินโลกสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แนะลงทุนหุ้นราคาไม่แพง มีปัจจัยรองรับ ชูกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รับอานิสงส์รัฐเปิดประมูลงานมูลค่า 1.58 แสนล้านบาทในไตรมาส 4/2559 เลือก CK-UNIQ-SYNTEC-STEC-PYLON และกลุ่มการท่องเที่ยวอย่าง BA-AAV- AOT

นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนเดือนกันยายนว่า บริษัทประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,500-1,590 จุด โดยมองว่าเป็นจังหวะสำคัญในการประเมินผลตอบแทนการลงทุน ก่อนที่ตลาดหุ้นโลกจะเข้าสู่ช่วงการลงทุนรอบใหม่

ทั้งนี้หากประเมินทิศทางการเคลื่อนไหวของ SET ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี จะเน้นลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสปรับตัวได้สูง และมีปัจจัยสนับสนุนแรง แทนการเลือกหุ้นที่เป็น Cheap Valuation, High Dividend แต่ Low Beta การขึ้นของ SET รอบนี้จะมีหุ้น High Beta ที่ปรับตัวได้แรง และความกลัวทีเพิ่มขึ้นไปพร้อม ๆ กัน เป็นตลาดที่กลยุทธ์ Trading Strategy จะมีความน่าสนใจกว่า Buy and Hold

ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. เออีซี กล่าวเพิ่มว่า ปัจจัยนโยบายการเงินโลกสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเล็งเห็นประเด็นสำคัญในตลาดการเงินโลก คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate 1 ครั้ง แตกต่างจากการขึ้น อัตราดอกเบี้ยแบบต่อเนื่องผลกระทบไม่ได้มีนัยสำคัญและนโยบายการเงินของประเทศอื่นๆ มีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้นจับตาทิศทางนโยบายการเงินของ BoJ, ECB, BoE ที่มีโอกาส Surprise ในทางบวก ตลาดหุ้น Emerging Market รวมถึง SET ยังเป็น Destination ที่สำคัญของโลก

ดังนั้นบริษัทฯแนะนำให้เลือกลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ พร้อมกับเลือกบริษัทที่มีความแข็งแรงของ Business Model โดยกลุ่มแรกเลือกลงทุนกลุ่มที่มีรับประโยชน์จากการประมูลภาครัฐฯ 1.58 แสนลบ. ที่กำลังจะเข้ามา ในช่วงไตรมาส 4/2559 เช่น โครงการรถไฟฟ้า 3 สาย, 1 รถไฟรางคู่ และโครงการที่เข้ามาเพิ่ม East West Corridor ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด โดยกลุ่มรับเหมาฯก่อสร้างเป็นอุตสาหกรรมที่มีการปรับเพิ่ม ผลการดำเนินงานปี 2560 เพิ่ม 42% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา เป็นกลุ่มที่ยังต้องเลือกเป็นอันดับ 1 ของทีมกลยุทธ์ เลือก CK, UNIQ, SYNTEC, STEC, PYLON เป็น Top Strategic Call

กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาสินค้าเกษตรฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อบริษัทในกลุ่ม อาหาร, กลุ่มพาณิชย์โดยเลือก หุ้น BR, GFPT, CBG ต่อเนื่องจากเดือนสิงหาคม รวมทั้งกลุ่มการท่องเที่ยวมองว่ายังคงเป็นจุดแข็งหลักของเศรษฐกิจไทย ยังคงเลือก BA, AAV, AOT เป็น Top Pick และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน ERW, MINT และกลุ่มสุดท้าย คือ กลุ่มเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจไทย ที่ยังไม่ใช่จุดแข็งของประเทศไทยตอนนี้คือ FDI, BOI

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4