นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา Managing Director และ Chief Investment Officer กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์ทั้งสองกองเมื่อ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ผ่านไปเพียง 37 วัน ก็ถึงวันสุดท้ายของไตรมาสสามแล้ว ซึ่งเป็นกำหนดให้เราต้องรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะช่วงสั้นๆ ไม่ครบสามเดือนก็ตาม แต่ผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยได้จากตราสารหนี้ไฮยิลด์ ก็ถือว่าน่าพอใจในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้
"เราได้กำหนดวันรับซื้อคืนครั้งต่อไปไว้ในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ โดยจะครบ 90 วันหรือหนึ่งไตรมาสเป็นครั้งแรก และจะเป็นเช่นนี้ทุกๆ ไตรมาสของปี 2560 ซึ่งนอกจากจะเป็นการลงทุนที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากแล้ว ยังจะได้รับผลตอบแทนเป็นประจำสม่ำเสมอตามผลประกอบการของกองทุนหลักอีกด้วย"
สำหรับแนวโน้มนโยบายการเงินในสหรัฐฯ นั้น นายพีรพงศ์ กล่าวว่า แม้ว่าในปี 2559 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ยังคงที่อยู่ที่ 0.25-0.5% แต่มีความเป็นไปได้ว่า Fed จะตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้งภายในปลายปีนี้ เนื่องด้วยเศรษฐกิจของประเทศเริ่มมีโมเมนตัมที่ดี ภาคแรงงานแข็งแกร่ง กำลังการบริโภคภาคครัวเรือนสูงขึ้น ประกอบกับธนาคารกลางหลายประเทศยังผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เช่น ญี่ปุ่น หรือประเทศในยุโรป ย่อมเป็นแม่เหล็กดูดเงินลงทุนให้ไหลกลับสู่สหรัฐฯ ในภาวะเช่นนี้ ตราสารหนี้ไฮยิลด์จึงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านอัตราผลตอบแทนที่ดี ขณะที่ความเสี่ยงก็ลดลงด้วย
ทั้งนี้ กองทุนเปิดบัวหลวงไฮยิลด์มุ่งสร้างผลตอบแทนในภาวะดอกเบี้ยต่ำให้แก่นักลงทุน ผ่านนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของ AXA WORLD FUND – US High Yield Bonds ซึ่งลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยพิจารณาคัดสรรตราสารหนี้ของบริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ ว่า เข้าเกณฑ์ของกองทุน พร้อมทั้งยังสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจและสม่ำเสมอ ภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม และยังได้กำหนดให้รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่เกินปีละ 4 ครั้ง ในวันทำการสุดท้ายของแต่ละไตรมาส
ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่กองทุนบัวหลวง โทร. 02-674-6488 กด 8 หรือสาขาธนาคารกรุงเทพทั่วประเทศ หรือบัวหลวงโฟน 1333 หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุน ทั้ง บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง และ บมจ.หลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน