นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า "ในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2559 อลิอันซ์ อยุธยา สามารถทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ด้วยผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเบี้ยประกันภัยรับรวมจากทุกช่องทาง แตะ 2.2 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางสำคัญที่สุด มียอดเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 9.8 พันล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ เติบโตต่อเนื่อง สร้างยอดเบี้ยประกันภัยรับรวมถึง 7.3 พันล้านบาท ส่วนช่องทางการตลาดขายตรง ยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาดด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท
ส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโตขึ้นเช่นกัน โดยประกันภัยรับปีแรกจากทุกช่องทางแตะ 4.3 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปีก่อน ช่องทางตัวแทนสร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรก ได้ 1.3 พันล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์เติบโตก้าวกระโดด ทำยอดเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแตะ 1.7 พันล้านบาท ขณะที่ช่องทางการตลาดขายตรงยังครองแชมป์ยอดเบี้ยสูงสุดในตลาดจากช่องทางนี้ติดต่อกันต่อเนื่อง ด้วยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกอยู่ที่ 915 ล้านบาท
"ในสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ประกอบกับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความคุ้มครอง และแบ่งเบาค่าใช้จ่ายด้านค่ารักษาพยาบาลที่นับวันจะเฟ้อสูงขึ้น อลิอันซ์ อยุธยา จึงมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการมุ่งสู่ตำแหน่งผู้นำด้านผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพ โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา เรามีการเปิดตัวและพัฒนาผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแผนประกัน "สุขภาพ ปลดล็อค เอ็กซ์ตร้า" ที่ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 100 ล้านบาท นอกจากนั้น สัดส่วนของเบี้ยประกันคุ้มครองต่อพอร์ทผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ก็เพิ่มสูงขึ้น แตะ 37% สะท้อนให้เห็นว่ากลยุทธ์ที่ดำเนินมากว่า 3 ปี เริ่มเห็นผลชัดเจนแล้ว และสำหรับ 3 เดือนสุดท้ายในปี 2559 นี้ ด้วยกลยทุธ์ที่เข้มข้นและทีมงานที่มีประสิทธิภาพ เราเชื่อมั่นว่าบริษัทฯ จะสามารถพิชิตเป้าเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 6.1 พันล้านบาท เบี้ยประภัยรับรวม 3.1 หมื่นล้านบาท ในปี 2559 นี้ได้อย่างแน่นอน
ด้านกลุ่มอลิอันซ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ได้รายงานผลประกอบการ 9 เดือนแรกของทั้งกลุ่ม รายได้รวมตลอด 9 เดือนแรกของปี 2559 ลดลงร้อยละ 3.2 มาอยู่ที่ 92.4 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท) ผลกำไรจากการดำเนินงาน ลดลงร้อยละ 1.7 มาปิดที่ 8 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท) โดยเป็นผลมาจากธุรกิจประกันวินาศภัย และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพกลับมีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลกำไรที่นอกเหนือจากการดำเนินงานได้รับผลกระทบจากผลตอบแทนจากการลงทุนที่ลดลง รวมถึงการประกาศขายธุรกิจในเกาหลีใต้ ซึ่งในภาพรวมแล้ว รายได้สุทธิในส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.1 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.97 แสนล้านบาท) ลดลงร้อยละ 1.1 จากช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558
สำหรับผลประกอบการเฉพาะในไตรมาสที่ 3 ของปี 2559 รายได้รวม ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ 27.7 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.07 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 27.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.06 ล้านล้านบาท) จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ รายได้ที่ลดลงในธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ได้รับการชดเชยโดยการเติบโตของรายได้ในส่วนของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพนั่นเอง
ผลกำไรจากการดำเนินงาน ขยายตัวร้อยละ 18.2 ขึ้นมาอยู่ที่ 2.9 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท) ในไตรมาสที่ 3 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากส่วนต่างผลกำไรจากการลงทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นในธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ โดยที่ธุรกิจประกันวินาศภัยก็มีผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 จากผลตอบแทนในการลงทุนและการรับประกันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์สามารถทำกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5
ขณะที่อัตราส่วนโครงสร้างเงินทุนตามมาตรฐาน Solvency II ยังคงแข็งแกร่ง อยู่ที่ร้อยละ 186 ณ สิ้นไตรมาส 3 สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มที่มีความยืดหยุ่น แม้จะเผชิญภาวะดอกเบี้ยต่ำในขณะนี้
"ความพยายามในการมุ่งพัฒนาธุรกิจของเราในสภาพแวดล้อมที่ตลาดประสบกับความยากลำบากถือว่ากำลังประสบความสำเร็จ" นายดีเทอร์ เวมเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน กลุ่มอลิอันซ์ กล่าว "เราเห็นการเติบโตของผลกำไรอย่างยั่งยืนในหลายธุรกิจพัฒนาการต่างๆ จากกลยุทธ์ Renewal Agenda ของเรา กำลังผลิดอกออกผล ส่งผลให้เราเดินหน้าไปตามแผนงานที่วางไว้ไปสู่เป้าหมายผลกำไรจากการดำเนินงานตลอดทั้งปีที่ 10.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 40.5 หมื่นล้านบาท) บวกลบ 500 ล้านยูโร (ประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท)" นายดีเทอร์ เวมเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน กลุ่มอลิอันซ์ กล่าวทิ้งท้าย
อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโร = 38.6063 บาท