นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2559 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,349 ล้านบาท ลดลง 7.9 %จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 24.71 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA หรือกำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยงวดปี 59 อยู่ที่ 191.69 ล้านบาท
สาเหตุหลักที่รายได้และกำไรสุทธิในปี2559 ลดลง เนื่องมาจากธุรกิจเทรดดิ้งที่มีรายได้ลดลงกว่า 300 ล้านบาท ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการลงทุนของภาคเอกชนที่ลดลง และการรับรู้กำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง 48 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.62% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากการที่ภาครัฐได้ประกาศปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซล จากน้ำมัน B7 เป็น B5 และ B3 มีผลตั้งแต่ 25 กรกฎาคม 2559 และทำให้ BBFเกิดการขาดทุนจาก Stock Loss ในไตรมาส 3และ4 อย่างไรก็ดีทางภาครัฐได้ประกาศปรับเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลจากน้ำมัน B3 เป็น B5 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 และช่วยทำให้ผลการดำเนินการของ BBF ดีขึ้นเป็นบวก นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของอาคารและอุปกรณ์ 37.85 ล้านบาท ตามมาตรฐานบัญชีซึ่งทำให้กำไรสุทธิลดลง
นายชัชพล กล่าวเพิ่มว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรส่วนหนึ่งเป็นทุนสำรองตามกฎหมาย และจัดสรรกำไรสะสม เพื่อจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา หุ้นละ 0.05 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 33.38 ล้านบาท โดยกำหนดวันบันทึกรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 16 มีนาคม 2560 และรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตาม มาตรา 225 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นวันที่ 17 มีนาคม 2560 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 14 มีนาคม 2560 เพื่อจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 เมษายน 2560
นอกจากนี้ที่ประชุมบอร์ดได้อนุมัติจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป(General Mandate) จำนวน 200.28 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้0.50 บาท โดยเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนจำนวนที่ผู้ถือหุ้นแต่ละคนถืออยู่ จำนวน 133.52 ล้านหุ้น และบุคคลในวงจำกัด จำนวน 66.76 ล้านหุ้น โดยกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 เมษายน 2560 นี้
กรรมการผู้จัดการ บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) กล่าวเพิ่มว่าสำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปี 2560 บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ระดับ 1,800 ล้านบาท เมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งจะมาจากธุรกิจเทรด ดิ้งที่กลุ่มลูกค้าจะกลับมาลงทุนเพิ่มเติมตามวัฏจักรขาขึ้นของน้ำมันและปิโตรเคมี และการรับรู้รายได้ของโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม(PPP) จ.สุโขทัย และโรงงานผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า แม่แตง 2 จังหวัดเชียงใหม่เต็มปี และนอกจากนี้โรงงานผลิตสารเคมีในผลิตภัณฑ์กาวลาเท็กซ์ ของ UAPC ก็จะขยายกำลังผลิต พร้อม COD ไตรมาสที่ 4 ในปีนี้ด้วย
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนการขยายการลงทุนและการตลาดใน กลุ่ม CLMV เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศพม่า และ ลาว ซึ่งกำลังศึกษาโครงการอยู่ และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 1,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ยอดขาย 3,000 ล้านบาท ในปี 2020