ฟิทช์จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ของ CP ALL ที่ 'A-(tha)’

อังคาร ๒๘ มีนาคม ๒๐๑๗ ๑๖:๕๒
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันชุดใหม่ของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP ALL (ซึ่งมีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'A(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ที่ 'A-(tha)' หุ้นกู้ดังกล่าวมีจำนวนเงินรวมไม่เกิน 4.5 พันล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2572 โดยเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะนำไปชำระคืนหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่ครบกำหนดไถ่ถอน

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันได้รับการจัดอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'A(tha)' ของบริษัทผู้ออกหนึ่งอันดับ เนื่องจากหนี้สินส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นหนี้ที่มีหลักประกัน โดยมีอัตราส่วนหนี้สินมีหลักประกันต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย (Secured Debt to EBITDA) ในปี 2559 อยู่ที่ 3.5 เท่า

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

อัตราส่วนหนี้สินที่สูง: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ CP ALL ที่วัดจากหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (funds flow from operations (FFO) adjusted net leverage) น่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 3.5 เท่าหลังจากปี 2561 การลดลงของอัตราส่วนหนี้สินของ CP ALL มีความล่าช้ากว่าที่คาด เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่อ่อนแอในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนการขายหุ้นในบริษัทย่อย ซึ่งได้แก่ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ Makro บางส่วน ฟิทช์คาดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

กระแสเงินสดเติบโตในระดับปานกลางแต่มั่นคง: ฟิทช์คาดว่ารายได้ของ CP ALL จะเติบโตในอัตราร้อยละ 9 ถึงร้อยละ 10 ต่อปีในช่วงปี 2560-2561 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากสาขาที่เปิดใหม่และการฟื้นตัวของอัตราการเติบโตของยอดขายต่อร้านค้าเดิม (Same-Store Sale) มาอยู่ในระดับร้อยละ 3-4 ของทั้งร้าน 7-Eleven และ Makro (ในปี 2559 อัตราการเติบโตดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 2.4 และร้อยละ 4.1 ตามลำดับ) ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงได้รับประโยชน์จากการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างแน่นอน เนื่องจากสินค้าที่ขายส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งมีความผันผวนของรายได้และอัตราส่วนกำไรที่ค่อนข้างต่ำ ในขณะที่ศักยภาพในการเติบโตของบริษัทฯ ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสภาวะของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในประเทศไทยที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ผู้นำในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ: ฟิทช์เชื่อว่า CP ALL จะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำทางการตลาดไว้ได้ แม้ว่าธุรกิจค้าปลีกจะมีการแข่งขันที่สูง CP ALL มีจำนวนร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven มากกว่า 9,500 ร้านทั่วประเทศ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่าร้อยละ 60 ในด้านจำนวนร้าน ซึ่งสูงกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่อันดับสองเป็นอย่างมาก ความเป็นผู้นำในตลาดของ CP ALL มีปัจจัยสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ มีร้านค้าในเครือเป็นจำนวนมากและครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง รวมถึงการมีหน่วยงานในเครือที่สนับสนุนกิจการค้าปลีกของบริษัทฯ ได้แก่การบริการด้านลอจิสติกส์ การซ่อมแซมและบำรุงรักษาร้านค้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงาน

เครื่องหมายการค้าที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง: CP ALL บริหารงานร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven ซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลก ภายใต้สัญญา Area License Agreement ที่ทำกับบริษัท 7-Eleven Inc., แห่งสหรัฐอเมริกา โดยได้เปิดดำเนินการร้านค้าแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2532 ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจำนวนร้านค้า 7-Eleven มากเป็นอันดับที่สองในโลก รองจากประเทศญี่ปุ่น

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

CP ALL มีสถานะทางการตลาดในประเทศไทยที่แข็งแกร่ง จากการเป็นผู้บริหารร้านสะดวกซื้อที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งมีสถานะคล้ายคลึงกับบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC (มีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ 'A(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก) ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP (มีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ AA-(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม CP ALL มีสถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งกว่าด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงกว่าคู่แข่งรายใหญ่อันดับสองเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ CP ALL ยังมีความเสี่ยงทางธุรกิจที่ต่ำกว่า SCC และ TOP ซึ่งต้องเผชิญกับความต้องการสินค้าที่มีลักษณะเป็นวัฏจักรและความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งทำให้ CP ALL มีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและ ค่าเช่าต่อรายได้ (EBITDAR Margin) ที่มีความสม่ำเสมอมากกว่า อย่างไรก็ตาม CP ALL มีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่า SCC และ TOP เป็นอย่างมาก เนื่องจากหนี้สินที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการ Makro ในปี 2556 แต่ด้วยการที่ธุรกิจมีความต้องการเงินลงทุนที่ต่ำกว่า อัตราส่วนหนี้สินของ CP ALL จึงน่าจะค่อยๆ ลดลงในอนาคต

ความเสี่ยงทางธุรกิจที่ต่ำกว่าของ CP ALL เพียงพอที่จะชดเชยระดับอัตราส่วนหนี้สินของ CP ALL ที่สูงกว่า SCC ทั้งสองบริษัทจึงมีอันดับเครดิตอยู่ในระดับเดียวกัน ส่วน TOP มีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำมากโดยอยู่ในระดับประมาณ 1 เท่า จึงได้รับการจัดอันดับเครดิตที่สูงกว่า นอกจากนี้ อันดับเครดิตของ TOP ยังได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหนึ่งอันดับเพื่อสะท้อนถึงความสัมพันธ์กับกลุ่ม ปตท. อีกด้วย

สมมุติฐานที่สำคัญ

สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

- รายได้รวมมีการเติบโตในอัตราร้อยละ 9-10 ต่อปี ในปี 2560-2561

- อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและ ค่าเช่าต่อรายได้ (EBITDAR Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10.2-10.4 ในปี 2560-2561

- มีการเปิดร้านค้าใหม่จำนวน 700 สาขาต่อปีในช่วงปี 2560-2561 สำหรับร้าน 7-Eleven และ 4 สาขาสำหรับร้านค้าขนาดใหญ่ของ Makro ในปี 2560-2561

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก:

- อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) อยู่ในระดับต่ำกว่า 3.5 เท่า (ณ สิ้นปี 2559: 5.4 เท่า)

ปัจจัยลบ:

- การที่บริษัทฯ ไม่สามารถทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO adjusted net leverage) ลดลงต่ำกว่า 4.5 เท่าได้ในปี 2561

- อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและ ค่าเช่าต่อรายได้ (EBITDAR Margin) ที่ลดลงต่ำกว่าร้อยละ 7.5 อย่างต่อเนื่อง (ปี 2559: ร้อยละ 10.1)

สภาพคล่อง

สภาพคล่องที่แข็งแกร่ง: CP ALL มีหนี้สินประมาณ 2 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 โดยร้อยละ 15.8 จะครบกำหนดชำระคืนในอีก 12 เดือนข้างหน้านับจากสิ้นปี 2559 ประมาณร้อยละ 96 ของหนี้สินทั้งหมดของ CP ALL เป็นหุ้นกู้สกุลเงินบาท ในจำนวนนี้มีร้อยละ 67 เป็นหุ้นกู้มีหลักประกันเป็นหุ้นของ Makro สภาพคล่องของ CP ALL มีปัจจัยสนับสนุนหลักจากเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 และความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด รวมถึงความสามารถในการออกหุ้นกู้ในตลาดตราสารหนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest