นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) (TWPC) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทวุ้นเส้น แป้งมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาส 2/2560 ของบริษัทฯ มีรายได้รวม 1,467 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,354 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 104 ล้านบาท
ส่วนผลประกอบการงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 2,901 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 239 ล้านบาท
"กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาส 2 ปี 2560 อยู่ที่ 1,467 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 113 ล้านบาทหรือ 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่า ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังจะได้รับผลกระทบจากราคาตลาดถัวเฉลี่ยแป้งมันสำปะหลังที่ลดลง 13% แต่ปริมาณขายของประเทศไทยนั้นเพิ่มขึ้นถึง 22% ประกอบกับปริมาณขายผลิตภัณฑ์กูลโคสในประเทศเวียดนามเติบโตขึ้นกว่า 25% นอกจากนี้ ยอดขายของธุรกิจอาหารยังเติบโตขึ้น 3% และสำหรับงวดหกเดือนกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,906 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน ถึงแม้ว่าบริษัทจะได้ผลกระทบจากราคาตลาดถัวเฉลี่ยแป้งมันสำปะหลังที่ลดลง แต่การเติบโตของปริมาณขายแป้งมันสำปะหลังส่งออกของบริษัทก็สามารถเติบโตได้มากกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ" นายโฮ เรน ฮวา กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) (TWPC) กล่าวอีกว่า แม้ราคาตลาดถัวเฉลี่ยแป้งมันสำปะหลังจะลดลง แต่ปริมาณขายแป้งมันสำปะหลังส่งออกของไทยวายังคงเติบโตได้มากกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรม เนื่องด้วยผลิตภัณฑ์ของไทยวามากกว่า 95% ส่งออกไปยังอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและไม่สามารถทดแทนกันได้ง่ายๆ จากผลิตภัณฑ์จากแป้งอย่างอื่น
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานกำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลัง ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องและยังมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ เพื่อสามารถตอบโจทย์ความต้องการวัตถุดิบของบริษัทฯ ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นและอาหารอื่นๆ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าออกไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมเจาะตลาดกลุ่ม CLMV และปัจจุบันเริ่มส่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภท Ready to cook สู่ตลาดต่างประเทศแล้ว