นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/60 บริษัทมีรายได้สุทธิที่ 420.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.1 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 341.3ล้านบาท โดยมี กำไรสุทธิ 44.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 36.9 ล้านบาท
ผลประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายของสาขาเดิมมีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 21.2% หลังจากบริษัทได้ใช้กลยุทธ์ในการเพิ่มยอดขายและการตลาด ให้สอดคล้องต่อความต้องการของลูกค้า ประกอบกับได้รับผลตอบรับที่ดีจากจัดงาน "Jubilee Mid-Year Expo 2017" เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จึงทำให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นท่ามกลาง การจับจ่ายใช้สอยที่ชะลอตัว
นอกจากนี้บริษัทยังมีการบริหารต้นทุนสินค้าที่ดีขึ้น รวมทั้งมีการบริหารสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในแต่ละประเภทอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทยังควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างเข้มงวด สะท้อนจากอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/60 อยู่ที่ระดับ 40.1% โดย บริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 169 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 144.4 ล้านบาท
"การแก้ไขปัญหาภาวะการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่มีการชะลอตัว ถือเป็นโจทย์ในการทำงานที่มีความท้าทาย ซึ่งเราให้ความสำคัญและวางกลยุทธ์เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการตอกย้ำในคุณภาพมาตรฐานเพชรและสินค้าเครื่องประดับเพชรของแบรนด์ยูบิลลี่ที่ได้รับการการันตีจากสถาบันต่างๆ ทั้งในประเทศและในระดับนานาชาติ ทั้งนี้ การกระตุ้นการจับจ่ายในสินค้าประเภทเครื่องประดับอาจจะเป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายในช่วงกำลังซื้อชะลอตัว แต่เราทำงานกันอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา เราบริหารบนพื้นฐานของข้อมูล ด้วยกลยุทธ์การเจาะแต่ละเซกเมนท์ เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ซึ่งผลสำเร็จก็สะท้อนออกมา ทำให้รายได้กลับมาเติบโต รวมถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงว่าเราเดินมาถูกทาง" นางสาวอัญรัตน์ กล่าว
ส่วนงวด 6 เดือนแรก บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 77.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 71.3 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 42% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 11%
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติ การจ่ายปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด จำนวน 0.27 บาท ต่อหุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 47.05 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 24 สิงหาคม 2560 และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้น ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 6 กันยายน 2560 ซึ่งนับเป็นการดำเนินการตามนโยบายการจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังปี 2560 บริษัทยังรุกอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายฐานลูกค้า รวมไปถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเป็นการตอบโจทย์พฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าในยุคปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังวางกลยุทธ์การตลาดให้แตกต่างและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาการให้บริการลูกค้าและมีการจัดกิจกรรมให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่องรวมถึงการปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่าย
นอกจากนี้ยังมีการวางแผนจัดการต้นทุนทั้งในการขายและการบริหาร ควบคู่ไปกับการเพิ่มยอดขายในสาขาเดิม เพื่อรักษาการทำกำไรให้อยู่ในเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้
รวมถึงแผนการเปิดสาขาเพิ่มอีก 2-3 สาขา ตามต่างจังหวัด ซึ่งเป็นการเปิดสาขาตามห้างสรรพสินค้าเกิดใหม่ ทั้งนี้คาดสิ้นปี2560 จะมีสาขาครบ 127 สาขา จากครึ่งปีแรกมีสาขาทั้งหมด 124 สาขา โดยจะใช้งบลงทุนเปิดสาขาที่ 7-10 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งมั่นใจว่า ภาพรวมยอดขายทั้งปีคาดจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10-15% เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 1,383.5 ล้านบาท