นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2560 คาดว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง จากการศึกษาการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ส่งผลให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ด้านเคมีภัณฑ์อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสี บรรจุภัณฑ์และอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้น ส่วนธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโครงการด้านพลังงานทดแทนจะมีการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มไบโอแก๊ส และไบโอแมส ในตลาดอาเซียนมากขึ้น จากความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งธุรกิจพลังงานจะมีการขยายฐานลูกค้า PV ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในอาเซียนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมั่นใจว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในปี 2560 จะมีอัตราการเติบโตอย่างชัดเจน จากการรับรู้รายได้จากโครงการต่าง ๆ ที่บริษัทฯมีการลงทุนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาได้เต็มปี และเชื่อรายได้ในปีนี้ จะสามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ระดับ 1,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีรายได้ 1,300 ล้านบาท
กรรมการผู้จัดการ บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) กล่าวเพิ่มว่า ผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 2/2560 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 406.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.75 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมที่ 373.56 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ 41.53 ล้านบาท ลดลง 28.51% โดยมีตัวเลข EBITDA งวดไตรมาส 2/2560 อยู่ที่ 99.08 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 4.75 %
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2560 บริษัทฯมีรายได้รวม 761.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.96% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้การขายและบริการเพิ่มขึ้น 99.17 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.96 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ของ UAC ในด้าน Trading และรายได้จากการลงทุนด้านพลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้น 101.15 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 54.56 ล้านบาทโดยอัตราผลกำไรขั้นต้นงวด 6 เดือนแรกปี 2560 เท่ากับ 26.80% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 22.58%
นอกจากนี้กำไรเบ็ดเสร็จรวมลดลง 14.37 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 18.15 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากส่วนแบ่งผลกำไรของ บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด (BBF) ที่ลดลง 70.97 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ปรับลดลง ส่งผลให้ราคาขาย B100 ปรับลดลง และทำให้มี Inventory Loss และค่าใช้จ่ายด้านภาษีเงินได้ของ UAC ที่เพิ่มขึ้น 10.80 ล้านบาท
" ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในครึ่งปีแรก ปรับตัวตามการรับรู้รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้ง และรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) ที่มีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นตามกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และการรับรู้รายได้จาก BBF ที่ลดลงตามราคาน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวลดลงทำให้ราคาขาย B100 ลดลงไปด้วย " นายชัชพล กล่าว