เงินบาทอ่อนค่าสู่ระดับ 33.12 ต่อดอลลาร์ ในช่วงเปิดซื้อขายเช้านี้ เทียบกับ 33.07 ช่วงท้ายตลาดเมื่อวานนี้ หลังมีแรงซื้อเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินสำคัญ เงินเยนแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะสิ้นสุดการประชุมในวันนี้และคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทุกช่วงอายุปรับตัวสูงขึ้นหลังเฟดกล่าวแถลงการณ์ ส่วนสัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่า ความน่าจะเป็นสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมสูงขึ้นเหนือระดับ 60% และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์กดดันราคาทองคำที่ตลาดสหรัฐฯ ด้วย
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ มองว่า ท่าทีล่าสุดของเฟดจะช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้บ้าง การไหลเข้าของเงินทุนสู่กลุ่มตลาดเกิดใหม่รวมทั้งไทยจึงน่าจะมีแนวโน้มลดลง ในปีนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้วกว่า 8% ซึ่งเป็นสกุลเงินที่แข็งค่ามากที่สุดในเอเชีย อย่างไรก็ดี คาดว่าดอลลาร์จะกลับมาอ่อนค่าในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า หลังจากกระแสการคุมเข้มนโยบายการเงินนอกสหรัฐฯ เริ่มมีสัญญาณชัดเจนมากขึ้นจากธนาคารกลางแคนาดาและธนาคารกลางอังกฤษ ขณะที่เฟดจะปรับลดขนาดพอร์ตลงทุนอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยเริ่มจาก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ผู้ประกอบการจึงควรป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากตลาดการเงินโลกมีทิศทางผันผวนจากปัจจัยเสี่ยงที่มีมิติหลากหลายมากขึ้น
สำหรับปัจจัยชี้นำสำคัญถัดไป กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์มองว่า ตลาดจะให้ความสนใจกับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในวันที่ 27 กันยายน รวมทั้งความคืบหน้าของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสำคัญจากรัฐบาลทรัมป์ อาทิ การปฏิรูปภาษี และการลงทุนขนาดใหญ่ การเจรจา Brexit ระหว่าง สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ส่วนความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ในระยะหลังส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างจำกัด แต่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามความเสี่ยงด้านรัฐภูมิศาสตร์นี้เช่นกัน