“ทิสโก้” แนะจับตาเลือกตั้งประธาน Fed หวั่นพลิกโผหนุนดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า เงินไหลออกบอนด์-หุ้นไทย

อังคาร ๒๔ ตุลาคม ๒๐๑๗ ๐๘:๓๐
กูรูทิสโก้แนะจับตาทรัมป์เลือกประธาน Fed คนใหม่ หากพลิกโผได้ประธานสายเหยี่ยวจะหนุนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า กดดันเงินไหลออกตลาดเกิดใหม่รวมไปถึงตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของไทย แนะปิดความเสี่ยงถือเงินสด ทยอย Take Profit หุ้นไทย-ต่างประเทศ

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobpol, Head of Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ในระยะนี้ตลาดกำลังจับตาว่านาย Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจะเลือกเสนอรายชื่อใครเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คนใหม่ ซึ่งปัจจุบันนาย Trump เริ่มวางตัวเลือกว่าที่ประธาน Fed ไว้ 5 คน ได้แก่ 1. นาง Janet Yellen ประธาน Fed คนปัจจุบัน 2. นาย Gary Cohn ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล 3. นาย Jerome Powell คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ 4. นาย Kevin Warsh อดีตคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ ปี 2549-2554 และ 5. นาย John Taylor ซึ่งเป็นผู้คิดกฏ Taylor rule และเคยอยู่ทีมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลสมัยประธานาธิบดี George H. W. Bush, Ford และ Carter

ทั้งนี้ เราคาดว่านาย Trump จะเสนอชื่อว่าที่ประธาน Fed คนใหม่ต่อวุฒิสภาได้ภายในวันที่ 3 พ.ย. 2560 และประเมินว่าน่าจะได้รับการเห็นชอบจากวุฒิสภาได้ใน 2-3 เดือน ซึ่งประธาน Fed คนใหม่จะมาทำหน้าที่แทนนาง Yellen ที่จะครบวาระในวันที่ 3 ก.พ. 2561 โดยตลาดคาดว่านาย Powell ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการ Fed อยู่แล้วในปัจจุบัน น่าจะมีโอกาสขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธาน Fed แทนนาง Yellen มากที่สุด

"หากเป็นไปตามคาด ตลาดหุ้นน่าจะตอบรับในเชิงบวก เนื่องจากนาย Powell น่าจะยังสนับสนุนให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อไป และทิศทางนโยบายการเงินก็จะมีความต่อเนื่อง แต่ในทางกลับกัน หากประธานาธิบดี Trump ตัดสินใจเสนอชื่อนาย Warsh หรือนาย Taylor ซึ่งมีแนวโน้มสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นตลาดการเงินอาจผันผวนได้ เนื่องจาก นักลงทุนจะต้องกลับมาประเมินแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed กันใหม่ ดังนั้น ในช่วงนี้จึงแนะนำนักลงทุนทยอยTake Profit หุ้นไทยและต่างประเทศ และถือเงินสดรอความชัดเจนของนโยบายดอกเบี้ย เพราะที่ผ่านมาหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นมากหลังจาก ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง "นายคมศร กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากนาย Warsh หรือนาย Taylor ได้รับการแต่งตั้ง Fed ก็อาจมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้น และ Bond Yield ในตลาดปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นต่อไป นอกจากนี้ หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าขึ้นเร็ว ก็อาจจุดชนวนให้เกิดการขายสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งรวมไปถึงตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของไทยด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4