นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส3/2560 มีรายได้รวม 309 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท หรือ 5.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 293 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรก (สิ้นสุดเดือนกันยายน 2560) บริษัทฯมีรายได้รวม 928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52 ล้านบาท หรือ 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 876 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6 ล้านบาท หรือ 8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 73 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยบวกจากยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทฯมีการจัดทำกิจกรรมการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างสม่ำเสมอ
"มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโต 5-8% จากปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 1,183.94 ล้านบาท แม้มีการแข่งขันสูงขึ้นขึ้นในตลาดกัมพูชา เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ TACC มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น โดยปลายเดือน ส.ค. ได้ออก โดนัท เนื้อนุ่ม (Snowy Twist Donut) และจะมีเครื่องดื่มใหม่ในโถกดที่ 4 ซึ่งจะเป็นเครื่องดื่มช็อคโกแลต แบรนด์ระดับโลก รวมถึงจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความเอร็ดอร่อยให้กับขนมและสแน็คต่าง ๆ อีก 3 SKU "นายชัชชวี กล่าว
สำหรับสินค้าที่ไม่ได้วางขายในเซเว่นฯ นายชัชชวี กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าทำตลาดในต่างประเทศ โดยในส่วนของชาเขียว Zenya ต้องทำการตลาดมากขึ้น ในฐานะแบรนด์ชั้นนำในกัมพูชา และกำลังฉลองครบรอบ 10 ปี แม้ในปีนี้การแข่งขันจะสูงมากกว่าเดิมก็ตาม
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) กล่าวอีกว่า ในส่วนของตลาดจีน TACC จะเริ่มขยายช่องทางการขาย จากเดิมขายแบรนด์ Sawasdee เฉพาะในช่องทาง Onlineอย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีแนวคิดจะให้สินค้าขายในช่องทาง Off line เพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตลาดใหม่ใน ประเทศดูไบ คือ เครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงรสชาติต่าง ๆ ตรา ณ อรุณ โดยในเดือน ต.ค. ได้เข้าไปร่วมงานจัดแสดงสินค้าระดับโลก (Global Village) ที่ดูใบ ระยะเวลาการจัดแสดงตั้งแต่เดือน ต.ค. 2560 ถึง มี.ค. 2561 เพื่อเป็นการทดสอบตลาด และหาโอกาสการขยายตลาดสู่ตะวันออกกลางที่มีกำลังซื้อสูง โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะอยู่ที่ 35% จากปัจจุบัน 12% และมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากเซเว่นฯ 65% และที่ไม่ใช่เซเว่นฯ 35%