นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท โรงพิมพ์ตะวันออก จำกัด (มหาชน) (EPCO) เปิดเผยถึงกรณีที่ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ของ EPCO ได้เริ่มต้นซื้อหุ้น EPCO เพียง 2 ล้านกว่าหุ้น เมื่อต้นปี 2559 คาดว่าจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เสี่ยกำพลเล็งเห็นความเติบโตของธุรกิจ จึงทยอยซื้อเพิ่มเรื่อยมา และไม่เคยขายออก คดีของ "เสี่ยกำพล" ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แต่อย่างใด เนื่องจากนายกำพล เป็นเพียงผู้ถือหุ้น ไม่มีอำนาจบริหาร และที่ผ่านมาไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายการบริหาร อีกทั้งธุรกิจของบริษัทฯมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟ้ฟ้าทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ นอกเหนือจากธุรกิจโรงพิมพ์ที่ยังคงมีกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้แนวโน้มการเติบโตจะมีจำกัด
ส่วนการนำบริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมยื่นไฟลิ่งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนได้ภายในต้นปี 2561 ตามแผน
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2560 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการรับรู้กำไร 2 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน กำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ ซึ่งเริ่มบุ๊คเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังจากการที่ EP ได้เข้าไปซื้อหุ้นสามัญทั้งทางตรงและทางอ้อม ในสัดส่วน 49.50% ของบริษัท พีพีทีซี จำกัด (PPTC) และในสัดส่วน 40% ของบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ทำให้มีการรับรู้กำไรจากเงินลงทุนเข้ามาตามสัดส่วนการถือหุ้น และแนวโน้มในปี 2561 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้เต็มปี 2 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน และจากแผนขยายธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ ดำเนินโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศไทย 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 24 เมกะวัตต์ โซล่าร์รูฟในประเทศ 6.5 เมกะวัตต์ และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 33 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนาดกำลังการผลิต 360 เมกะวัตต์ และไอน้ำกำลังการผลิตรวม 90 ตันต่อชั่วโมง