ดีเคเอสเอชเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทะลุยอดขายกว่า 1.1 หมื่นล้านฟรังก์สวิสเป็นครั้งแรก พร้อมปันผลที่เพิ่มขึ้น

จันทร์ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๘ ๑๐:๕๔
- ยอดขายสุทธิเติบโตขึ้น 4.8% ในปี 2560 เป็นจำนวน 1.1 หมื่นล้านฟรังก์สวิส

- กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 297 ล้านฟรังก์สวิส

- กำไรหลังหักภาษี 213.3 ล้านฟรังก์สวิส เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้ว

- สามารถบุกตลาดอินโดนีเซียได้สำเร็จและขยายธุรกิจดิจิทัล

- เสนอในการเพิ่มเงินปันผลสามัญ 10% อยู่ที่ 1.65 ฟรังก์สวิสต่อหุ้น

- คาดหวังว่าจะมียอดขายสุทธิและการเติบโตของกำไรที่เพิ่มมากขึ้น

- สมาชิกใหม่ของคณะกรรมการบริหารได้ถูกเสนอให้เข้ารับการเลือกตั้ง

ตัวเลขสำคัญของกลุ่มธุรกิจดีเคเอสเอช 2560 2559 ในสกุลเงิน in % CER¹

(ล้านฟรังก์สวิส) ฟรังก์สวิส

ยอดขายสุทธิ 11,006.4 10,505.2 4.8% 3.9%

กำไรจากการดำเนินงาน(EBIT) 297.0 293.0 1.4% 1.3%

กำไรหลังหักภาษี 213.3 213.0 0.1% 0.0%

กระแสเงินสดอิสระ 139.5 128.8 8.3% -

เงินปันผลสามัญ(หน่วยเป็นฟรังก์สวิส)² 1.65 1.50 10.0% -

จำนวนพนักงานผู้เชี่ยวชาญ 31,973 30,318 5.5% -

¹ อัตราการแลกเปลี่ยนคงที่: ตัวเลขของปี 2560 ใช้อัตราแลกเปลี่ยนของปี 2559

² ข้อเสนอของคณะกรรมการบริหาร

ดีเคเอสเอช ผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาดโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย มีตัวเลขสำคัญเพิ่มสูงขึ้นอีกในปี 2560 ด้วยยอดขายทะลุ 1.1 หมื่นล้านฟรังก์สวิสเป็นครั้งแรก ยอดขายสุทธิโตขี้น 4.8% และ EBIT เพิ่มขึ้น 1.4% กำไรหลังหักภาษี 213.3 ล้านฟรังก์สวิสเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีที่แล้ว และจากผลประกอบการนี้เองจึงจะมีการเสนอเพิ่มเงินปันผลสามัญอีก 10% อยู่ที่ 1.65 ฟรังก์สวิสต่อหุ้น ในงานประชุมสามัญประจำปี วันที่ 22 มีนาคม 2561 ดีเคเอสเอชมีความมั่นใจในการเติบโตมากยิ่งขึ้นในปีนี้

การเติบโตด้วยความสามารถในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเราเอง โดยมิได้อาศัยปัจจัยหรือองค์กรภายนอกเป็นส่วนสำคัญของตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้น ดีเคเอสเอชเติบโตเป็นอย่างสูงในเวียดนาม ลาว กัมพูชา และพม่า นอกจากนั้น ดีเคเอสเอชยังขยายตลาดด้วยการเข้าซื้อกิจการต่าง ๆ โดยในเดือนมกราคม ดีเคเอสเอชได้ซื้อ Europ Continents ซึ่งเป็นบริษัทกระจายสินค้าเครื่องมือแพทย์ของกัมพูชา และในเดือนมีนาคมก็ได้ซื้อ IMA ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการตลาดของเวียดนาม และจากการวางกลยุทธ์เข้าซื้อ PT Wicaksana ทำให้ดีเคเอสเอชสามารถบุกตลาดอินโดนีเซียสำหรับหน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้สำเร็จ

แม้ว่าความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยจะค่อนข้างเงียบอันเกิดจากการเมือง แต่หน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงสามารถเติบโตในระดับเดียวกับปีก่อนหน้า ในส่วนของหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพนั้นยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและขยายการเป็นผู้นำตลาด ยอดขายสุทธิในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน อันเกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าทุนและวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติจำเพาะต่อการใช้งาน

มร. สเตฟาน พี บุทซ์ ซีอีโอ บริษัทดีเคเอสเอช กล่าวว่า "ในปี 2560 เราสามารถทำตัวเลขได้สูงกว่าปีที่ผ่านมาอีกครั้ง ซึ่งเราสามารถทำสำเร็จภายในหนึ่งปีที่เรามีการเปลี่ยนแปลงที่ดีในด้านผู้นำ แม้จะมีแรงปะทะภายนอกบ้างในบางตลาด แต่โมเดลธุรกิจของดีเคเอสเอชก็ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าเป็นโมเดลที่แข็งแกร่งและมีความกว้างขวางหลากหลาย เรามุ่งมั่นและมุมานะในการนำกลยุทธ์ที่มีมาดำเนินการปฏิบัติ โดยมุ่งไปที่การเติบโตด้วยความสามารถในการดำเนินธุรกิจของบริษัทเราเองและพัฒนาโอกาสในการเติบโตใหม่ ๆ นอกจากนั้น เราได้ควบรวมธุรกิจต่าง ๆ ขยายฐานดิจิทัล และยังคงลงทุนในบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน เราจะยังคงเดินบนเส้นทางนี้และเชื่อมั่นว่าจะเติบโตมากขึ้นในปี 2561"

กลุ่มดีเคเอสเอช

ยอดขายรวมสุทธิของทั้งกลุ่มในปี 2560 เติบโตขึ้น 4.8% อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านฟรังก์สวิส เติบโตด้วยการดำเนินธุรกิจของบริษัทเราเอง 3.7% และอีก 0.2% เกิดจากการควบรวมกิจการ ความเคลื่อนไหวขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินส่งผลดีอยู่ที่ 0.9%

กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 297 ล้านฟรังก์สวิส กำไรหลังภาษี 213.3 ล้านฟรังก์สวิสนั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า กระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 139.5 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งมากกว่าปีก่อนหน้าเช่นกัน

และด้วยนโยบายที่ให้การสนับสนุนผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าขององค์กร คณะกรรมการบริหารจึงจะมีการเสนอการเพิ่มเงินปันผลสามัญอยู่ที่ 1.65 ฟรังก์สวิสต่อหุ้น ซึ่งเท่ากับเพิ่มขึ้นมา 0.15 ฟรังก์สวิส หรือ 10% จากปีที่แล้ว ปันผลรวมของปีนี้จะอยู่ที่ 107.3 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วที่ตัวเลขอยู่ที่ 97.6 ล้านฟรังก์สวิส หากวันจ่ายเงินปันผลได้รับการอนุมัติในการประชุมสามัญประจำปี ก็จะเริ่มจ่ายในวันที่ 28 มีนาคม 2561 (วันที่บันทึก: 27 มีนาคม 2561; วันปันผลหุ้นพิเศษ: 26 มีนาคม 2561)

สินค้าอุปโภคบริโภค

ยอดขายสุทธิของหน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงเล็กน้อย 3.3% อยู่ที่ 3.6 พันล้านฟรังก์สวิส เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ทำให้ระดับการบริโภคลดลง แต่ในประเทศเวียดนาม กัมพูชา ลาว และพม่า เรามีการเติบโตที่มากขึ้น

แม้จะมีค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่ แต่กำไรจากการดำเนินงานที่ 105.9 ล้านฟรังก์สวิสก็อยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่แล้ว ดีเคเอสเอชจะปรับโครงสร้างธุรกิจสินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้นในหน่วยธุรกิจนี้หากเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว

ในเดือนมีนาคม ดีเคเอสเอชได้ซื้อ IMA ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการตลาดของเวียดนาม และในเดือนกรกฎาคม ดีเคเอสเอชก็ได้บุกตลาดอินโดนีเซียโดยเข้าซื้อ PT Wicaksana ซึ่งเป็นบริษัทกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคของอินโดนีเซีย

ตัวเลขสำคัญในหน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค 2560 2559 ในสกุลเงิน in % CER¹

(ล้านฟรังก์สวิส) ฟรังก์สวิส

ยอดขายสุทธิ 3,643.1 3,768.5 (3.3%) (3.7%)

กำไรจากการดำเนินงาน(EBIT) 105.9 105.8 0.1% (1.2%)

ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมียอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 10.7% อยู่ที่ 6.1 พันล้านฟรังก์สวิส และเติบโตในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 9.1% อยู่ที่ 146.5 ล้านฟรังก์สวิส

ในเดือนมกราคม ดีเคเอสเอชได้ซื้อ Europ Continents ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญในการกระจายสินค้าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และจากการเข้าซื้อกิจการนี้เอง ทำให้ดีเคเอสเอชสามารถมีบทบาทในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศกัมพูชา

ตัวเลขสำคัญในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 2560 2559 ในสกุลเงิน in % CER¹

(ล้านฟรังก์สวิส) ฟรังก์สวิส

ยอดขายสุทธิ 6,065.8 5,481.5 10.7% 9.2%

กำไรจากการดำเนินงาน(EBIT) 146.5 134.3 9.1% 9.2%

ผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม

ยอดขายสุทธิในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรมอยู่ที่ 894.1 ล้านฟรังก์สวิส เพิ่มขึ้น 2.7% เทียบกับปี 2559

กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 73.2 ล้านฟรังก์สวิส ถือว่าต่ำกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย ในปี 2559 กำไรจากการดำเนินงานได้รับผลกระทบในเชิงบวกจากการที่เงินยูโรและเยนแข็งตัว ค่าใช้จ่ายสำหรับวัตถุดิบอุตสาหกรรม เมื่อแปลงเป็นเงินยูโรและเยนแล้ว ถือว่าลดลงในปี 2559 ส่งผลให้ได้กำไรจากการดำเนินงานกลับมามากขึ้น และกำไรจากการดำเนินงานก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2560

ตัวเลขสำคัญในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม 2560 2559 ในสกุลเงิน in % CER¹

(ล้านฟรังก์สวิส) ฟรังก์สวิส

ยอดขายสุทธิ 894.1 870.6 2.7% 3.2%

กำไรจากการดำเนินงาน(EBIT) 73.2 77.0 (4.9%) (3.9%)

เทคโนโลยี

เนื่องจากยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 4.9% อยู่ที่ 404.2 ล้านฟรังก์สวิส ทำให้กำไรจากการดำเนินงานเติบโตขึ้น 8.5% ที่ 23.1 ล้านฟรังก์สวิส โดยเฉพาะในประเทศจีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น ที่ธุรกิจมีความต้องการสินค้าทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตัวเลขสำคัญในหน่วยธุรกิจเทคโนโลยี 2560 2559 ในสกุลเงิน in % CER¹

(ล้านฟรังก์สวิส) ฟรังก์สวิส

ยอดขายสุทธิ 404.2 385.4 4.9% 4.8%

กำไรจากการดำเนินงาน(EBIT) 23.1 21.3 8.5% 8.5%

ภาพรวมและแนวโน้มของธุรกิจดีเคเอสเอชคาดหวังที่จะมีการพัฒนาขึ้นในปี 2561 ด้วยความพร้อมในด้านต่าง ๆ ซึ่งตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ของดีเคเอสเอชยังคงแข็งแกร่งและยั่งยืน ตลาดสำคัญในประเทศไทยของเรามีการพัฒนาขึ้น สิ่งที่ขับเคลื่อนการขยายตัวของดีเคเอสเอชคือการปฏิบัติงานของพนักงานผู้เชี่ยวชาญของเราจำนวน 32,000 คน การพัฒนาธุรกิจที่เล็งเห็นถึงความสำเร็จจากลูกค้าทั่วโลก รวมถึงการเปิดตัวของศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มขึ้นในเอเชีย ดีเคเอสเอชจึงมีความมั่นใจและคาดหวังว่าจะมียอดขายสุทธิและอัตราการเติบโตของกำไรเพิ่มสูงขึ้นในปี 2561

คณะกรรมการบริหาร

คณะกรรมการบริหารเสนอต่อผู้ถือหุ้นเพื่อแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ ดร. แอนเนท จี. คูเลอร์ และ ยูนิส เซนเดอร์-ไล ให้เป็นคณะกรรมการบริหารในวาระจนถึงการประชุมสามัญประจำปี 2562 การเลือกตั้งจะมีขึ้นที่การประชุมสามัญประจำปีของบริษัทในวันที่ 22 มีนาคม 2561 และเมื่อถึงเวลานั้น มร. เรแนค์ มาร์ก เฟรย์ จะไม่ได้เข้ารับการลงเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหาร

"ในนามของคณะกรรมการบริหารและฝ่ายบริหารทั้งหมด ผมต้องขอขอบคุณ มร. เรแนร์ มาร์ก เฟรย์ สำหรับความทุ่มเทและการปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา" ดร.เยิร์ก โวลเล่ ประธานกลุ่มดีเคเอสเอชกล่าว

ศาสตราจารย์ ดร. แอนเนท จี. คูเลอร์ (ชาวเยอรมัน, เกิดเมื่อปี 2510) เป็นประธานในด้านบัญชีและการตรวจสอบบัญชีที่ University of Duisburg-Essen ตั้งแต่ปี 2548 ก่อนหน้านี้เธอสอนวิชาบัญชีและการตรวจสอบบัญชีในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง และทำงานเป็นผู้ช่วยวิจัยและให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการ เธอเป็นสมาชิกของคณะกรรมการกำกับดูแลและคณะกรรมการตรวจสอบของ HVB UniCredit Bank AG (ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557) และที่ DMG Mori AG (ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560) นับตั้งแต่ปี 2555 ถึงปี 2560 เธอเป็นสมาชิกของ International Auditing and Assurance Standards Board (IAASB) ที่รัฐนิวยอร์ก ดร. แอนเนท จี. คูเลอร์ จบการศึกษาปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จาก Wayne State University ในดีทรอยต์และอนุปริญญาในด้านเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจจาก University of Augsburg นอกจากนี้เธอยังจบปริญญาเอกจาก University of Cologne และ ได้รับคุณสมบัติเป็นศาสตราจารย์จาก University of Ulm

มร. ยูนิส เซนเดอร์-ไล (ชาวสวิสและฮ่องกง, เกิดปี 2510) เป็นซีอีโอของ IPM (Institut fuer Persoenlichkeitsorientiertes Management) ก่อนหน้านี้ เธอทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมการให้บริการทางการเงินเป็นเวลา 20 ปี กับ LGT Capital Partners, Goldman Sachs และ Merrill Lynch ในรัฐนิวยอร์ก ลอนดอน ฮ่องกง และสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากนั้นแล้วยังเคยทำงานให้กับบริษัท Procter & Gamble ด้านการบริหารแบรนด์และการตลาด รวมถึงที่บริษัท Booz & Co. ซึ่งให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ เธอเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของ Geberit Group (ตั้งแต่ปี 2560) และ Asia Society Switzerland (ตั้งแต่ปี 2559) ยูนิส เซนเดอร์-ไล จบปริญญาโทด้านการบริหารจัดการจาก Harvard Business School และจบปริญญาตรีจาก Harvard University

ข้อมูลเพิ่มเติม

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา ตามเวลาภาคกลางของยุโรป ได้มีการจัดแถลงข่าวในเวลา 10.30 น. และมีการแพร่ภาพสดจากการประชุมของนักวิเคราะห์และนักลงทุน เวลา 13.00 น. การบันทึกการประชุมนี้ จะทำการแพร่ภาพบนเว็บไซต์ของดีเคเอสเอช หรือดาวน์โหลดได้ที่: Annual Report 2017

เกี่ยวกับดีเคเอสเอช

ดีเคเอสเอชเป็นผู้นำด้านการให้บริการด้านการขยายตลาด ซึ่งมุ่งเน้นในภูมิภาคเอเชีย ดังคำนิยามที่ว่า "บริการด้านการขยายตลาด" ดีเคเอสเอช ช่วยบริษัทและแบรนด์ต่าง ๆ สามารถขยายธุรกิจได้ในตลาดใหม่ หรือในตลาดที่มีอยู่เดิม บริษัทได้จดทะเบียนใน SIX Swiss Exchange ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 เป็นบริษัทระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองซูริค พร้อมทั้งมีสำนักงานสาขา 825 แห่งใน 37 ประเทศ โดย 800 แห่งอยู่ในเอเชีย มีพนักงานผู้เชี่ยวชาญจำนวน 31,970 คน ดีเคเอสเอชมียอดขายสุทธิในปี 2560 จำนวน 1.1 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ดีเคเอสเอชก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2408 ด้วยการสืบทอดวัฒนธรรมอันแข็งแกร่งแบบสวิส บริษัทมีประวัติอันยาวนานในการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียและหยั่งรากลึกในชุมชนและธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest