“บล.โกลเบล็ก” มองหุ้นไทยหวั่นเกิดสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ให้กรอบดัชนี 1,775 -1,825 จุด-แนะเก็งกำไรหุ้น TOP-M- BCPG อานิสงส์เข้า FTSE

อังคาร ๒๐ มีนาคม ๒๐๑๘ ๑๑:๒๖
บล.โกลเบล็กจับสถานการณ์ความตึดงเครียดทางการค้าระหว่างจีน และสหรัฐ หลังสหรัฐผ่านกฏหมาย Taiwan Travel Act และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่จะมีการประชุมในเดือนีนาคมนี้ ให้กรอบ ดัชนี 1,775 -1,825 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้น TOP, M, BCPG ได้อานิสงค์เข้าคำนวณ FTSE ด้านราคาทองคำ จับตาทองหลุด 1,300 ดอลลาร์เป็นจังหวะซื้อกลับ

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBSกล่าวว่าตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้เริ่มมีความกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐมากขึ้น หลังสหรัฐผ่านกฏหมาย Taiwan Travel Act ที่เปิดทางให้สหรัฐสามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปยังไต้หวัน และเจ้าหน้าที่ไต้หวันเดินทางมาพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้ ซึ่งอาจเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน เนื่องจากถือเป็นการละเมิดนโยบายจีนเดียว และละเมิดต่อแถลงการณ์ร่วมที่จีนและสหรัฐเคยประกาศร่วมกันก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่น่ากังวลว่าสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอาจลุกลามจากการที่สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศโทรคมนาคม และสินค้าเพื่อผู้บริโภคจากจีนเพื่อตอบโต้การค้าที่สหรัฐมองว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจากในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาสหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนเพิ่มขึ้น 16.7% สู่ระดับ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2558 ขณะที่การส่งออกสินค้าสหรัฐไปยังจีนลดลง 28.1% นำเข้าเพิ่มขึ้น 2.9%

นอกจากนี้ การคาดการณ์ว่าที่ประชุม FED จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนมีนาคมนี้ โดยเครื่องมือ Fed Watch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็นครั้งแรกในปีนี้ และเม็ดเงินการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติยังมีความผันผวนต่อเนื่อง โดยในช่วง 1 เดือนย้อนหลังนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท

ส่วนปัจจัยบวกที่น่าสนใจ คือ การประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนก.พ. ของกลุ่มประเทศยูโรโซนชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.1%เมื่อเทียบรายปี ทำให้แรงกดดันในการถอนมาตรการ QE ของธนาคารยุโรป (ECB) ลดลง และคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบนี้ ส่วนราคาน้ำมันทรงตัวที่ระดับสูงส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน

สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อในวันที่ 20 – 21 มี.ค.กำหนดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ วันที่ 22 มี.ค.สนช.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 61 วงเงิน 1.5 แสนลบ. และในวันเดียวกัน อียู เปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ(PMI) ภาคการผลิตและภาคการบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค. ด้านธนาคารกลางอังกฤษมีกำหนดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคการบริการเบื้องต้น มี.ค. ขณะที่วันที่ 23 มี.ค. จับตาชัตดาวน์สหรัฐ

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยในรอบสัปดาห์คาดว่าจะมีทิศทางอ่อนตัวลงได้ และคงต้องจับตาว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามตลาดคาดหรือไม่ โดยคาดดัชนี SET ผันผวนในกรอบ 1,775 -1,825 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวก เช่น หุ้น TOP, M, BCPG ได้อานิสงส์จากการเข้าคำนวณ FTSE แต่ยัง laggard รองลงมาหุ้น CPF, GFPT, TFG ได้ประโยชน์จากการที่จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย และหุ้น ERW ได้ประโยชน์จากการส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง และแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นโดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากโรงแรมในไทย และลูกค้าหลักได้แก่ลูกค้าคนไทยและลูกค้าชาวจีน

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับทิศทางราคาทองในสัปดาห์นี้ยังคงกังวลว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.50%เป็น 1.75% โดยแถลงการณ์หลังการประชุม FOMC ของประธานคนใหม่จะช่วยยืนยันความเร็วในการปรับดอกเบี้ยครั้งต่อไปได้ หลังจากที่เคยกล่าวกับที่ประชุมสภาฯมาก่อนหน้านี้ว่าจะยังคงปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงคาดว่า bond yield สหรัฐฯจะปรับขึ้นแค่ช่วงสั้น เช่นเดียวกับค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มจะรีบาวน์ขึ้นแข็งค่ามากกว่าจะกลับทิศทางเป็นแข็งค่าในระยะยาว ทำให้ราคาทองคำมีโอกาสจะหลุดกรอบรูป descending triangle ได้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งมุมมองทางเทคนิคหากราคาหลุด 1,300 ดอลลาร์ และคาดว่าจะลงไปทดสอบบริเวณ 1,260ดอลลาร์ แต่ถ้าราคายืนไม่หลุด 1,300 ดอลลาร์ คาดว่าการแกว่งตัวจะเป็นแบบ sideway ไปอีกสักระยะ จึงแนะนำลยุทธ์เล่นสั้นให้รอจังหวะ follow short เมื่อราคาหลุดระดับ 1,300 ดอลลาร์ หรือ trading long เมื่อราคาอยู่เหนือระดับ 1,325 ดอลลาร์ ส่วนพอร์ตระยะกลางถึงยาวเริ่มทยอยรับเมื่อราคาร่วงลงมาที่ระดบ 1,260 ดอลลาร์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๘ มี.ค. องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๒๘ มี.ค. การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๒๘ มี.ค. DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๒๘ มี.ค. JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๒๘ มี.ค. นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๒๘ มี.ค. Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๒๘ มี.ค. โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๒๘ มี.ค. STEAM Creative Math Competition
๒๘ มี.ค. A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๒๘ มี.ค. ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้