ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน” ที่ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable”

จันทร์ ๒๓ เมษายน ๒๐๑๘ ๑๔:๑๐
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ที่ระดับ "A" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการที่ทรัสต์ฯ มีกระแสรายรับที่สม่ำเสมอจากสัญญาเช่าและมีขนาดสินทรัพย์ในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตลอดจนสินทร้พย์ให้เช่าที่มีการกระจายตัวในหลายพื้นที่ และฐานผู้เช่าที่มีความหลากหลาย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตลดทอนลงบางส่วนจากอัตราการให้เช่าซึ่งมีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ ในขณะที่การพิจารณาอันดับเครดิตยังรวมภาระหนี้ที่จะเพิ่มขึ้นตามนโยบายทางการเงินและแผนการลงทุนของทรัสต์ฯด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ พร้อมทั้งมีการกระจายตัวทางภูมิศาสตร์และอุตสาหกรรมของผู้เช่ามีความหลากหลาย

จากผลของการดำเนินการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท (TGROWTH) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติคส์ (TLOGIS) มาเป็นทรัสต์ฯ ทำให้ทรัสต์ฯ กลายเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยมูลค่าสินทรัพย์เพื่อการลงทุนจำนวน 30,451 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 โดยเพิ่มขึ้นจาก 7,352 ล้านบาทในปีก่อนหน้า ปัจจุบัน ทรัสต์ฯ มีพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้าและโรงงานรวมทั้งสิ้น 1,484,660 ตารางเมตร (ตร.ม.) ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ให้เช่าโรงงาน 745,535 ตร.ม. และพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้า 739,125 ตร.ม. กระจายตัวในพื้นที่ 24 แห่งใน 7 จังหวัด นอกเหนือไปจากความหลากหลายของพื้นที่สินทรัพย์ให้เช่าแล้ว ทรัสต์ฯ ยังมีฐานผู้เช่าที่มีความหลากหลายด้วย ผู้เช่ารายใหญ่ 10 อันดับแรกของทรัสต์ฯ มีสัดส่วนคิดเป็นเพียงประมาณ 22% ของรายได้ค่าเช่าและบริการทั้งหมด ผู้เช่าพื้นที่ของทรัสต์ฯ ในปี 2560 ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 30% ของผู้เช่าทั้งหมด อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วน 23% และผู้ให้บริการโลจิสติกส์มีสัดส่วน 18%

ฐานรายได้มาจากสัญญาเช่าระยะปานกลาง

สัญญาเช่าของทรัสต์ฯ โดยปกติมักเป็นสัญญาที่มีระยะเวลาการเช่า 3 ปี ดังนั้น ทรัสต์ฯ จะมีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาเช่าระยะปานกลางนี้ โดยสัญญาที่มีระยะเวลาการเช่า 3 ปีคิดเป็น 82% ของพื้นที่เช่าทั้งหมดของทรัสต์ฯ และประมาณ 1 ใน 3 ของสัญญาเช่าทั้งหมดของทรัสต์ฯ จะครบกำหนดในแต่ละปี จากพื้นที่ที่มีผู้เช่าทั้งสิ้น 1,172,408 ตร.ม. ประมาณ 33% ของพื้นที่เช่าจะครบกำหนดภายในปี 2561 และประมาณ 25% และ 27% จะครบกำหนดในปี 2562 และปี 2563 ตามลำดับ ในขณะที่อายุสัญญาเช่าโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1.97 ปี ณ เดือนธันวาคม 2560

อัตราการให้เช่าค่อนข้างสูงแม้ความต้องการในบางพื้นที่ยังคงไม่ฟื้นตัว

แม้ในภาวะที่การลงทุนยังคงนิ่งและมีอุปทานส่วนเกินในธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า แต่ทรัสต์ฯ ก็ยังคงมีอัตราการให้เช่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจที่ 79% โดยอัตราการให้เช่าโรงงานอยู่ที่ 81% และอัตราการให้เช่าคลังสินค้าอยู่ที่ 77% ในปี 2560 ทั้งนี้ เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ของทรัสต์ฯ ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมสำคัญและพื้นที่ยุทธศาสตร์สำหรับการให้บริการจัดส่งสินค้าหรือโลจิสติกส์ แม้ว่าความต้องการในเขตที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมยังคงไม่ฟื้นตัว ได้แก่ จังหวัดอยุธยาและจังหวัดปทุมธานี ซึ่งคิดเป็นประมาณ 13% ของพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดและมีส่วนกดดันอัตราการให้เช่า แต่ความต้องการที่มีมากในพื้นที่ฝั่งตะวันออกช่วยลดทอนผลกระทบดังกล่าวข้างต้นลงไป นอกจากนี้ อัตราการต่ออายุของสัญญาที่หมดอายุของทรัสต์ฯ ก็อยู่ในระดับดีที่ประมาณ 80%-85% ในระหว่างปี 2559-2560 ด้วย ส่วนภายในปี 2561 นั้น ประมาณ 33% ของพื้นที่เช่าทั้งหมดของทรัสต์ฯ จะครบกำหนดต่อสัญญา จนถึงปัจจุบัน 33% ของสัญญาที่ครบกำหนดในปี 2561 ผู้เช่าตกลงที่จะต่ออายุสัญญาแล้ว และเมื่อพิจารณารวมไปถึงกิจกรรมการลงทุนที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าทรัสต์ฯ จะสามารถคงอัตราการให้เช่าให้อยู่ในระดับสูงกว่า 80% ในช่วงปี 2561-2563

โอกาสในการเติบโตในอนาคตจากการซื้อสินทรัพย์จากสปอนเซอร์และการซื้อสินทรัพย์บางส่วนจากบุคคลอื่น

บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักของทรัสต์ฯ ถือเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในประเทศไทย ที่ผ่านมาบริษัทได้ขายโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าแก่ทรัสต์ฯ อย่างสม่ำเสมอ ยังผลให้พอร์ตการลงทุนของทรัสต์ฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 4,228 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 7,352 ล้านบาทในปี 2559 และเพิ่มขึ้นเป็น 30,451 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2560 หลังแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฯ เข้ามารวมกับทรัสต์ฯ นอกจากนี้ ทรัสต์ฯ ยังมีแผนจะลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพดีที่ไม่ใช่สินทรัพย์ของสปอนเซอร์เพื่อที่จะขยายขนาดสินทรัพย์ได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย การเติบโตอย่างต่อเนื่องของสินทรัพย์ส่งผลให้รายได้ค่าเช่าและบริการ รวมทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของทรัสต์ฯ เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ค่าเช่าและบริการของทรัสต์ฯ จะเพิ่มเป็นประมาณ 2,500 ล้านบาทต่อปีหลังจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฯ และการซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมในปี 2561 จากระดับ 588 ล้านบาทในปี 2560 และเงินทุนจากการดำเนินงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านบาทในปี 2561 จากระดับ 424 ล้านบาทในปี 2560

การก่อหนี้จะเพิ่มขึ้น แต่ยังคงระดับที่ต่ำกว่า 30% ของมูลค่าสินทรัพย์รวม

ผลจากการควบรวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ฯ ของกลุ่มไทคอนเข้ากับทรัสต์ฯ ทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อมูลค่าสินทรัพย์รวม (LTV) ของทรัสต์ฯ ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 17% จาก 23% ในปีที่แล้ว และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 18% ในปี 2560 จาก 26% ในปี 2559 อย่างไรก็ตาม หลังจากการแปลงสภาพ ทรัสต์ฯ มีแผนจะลงทุนซื้อสินทรัพย์เพิ่มเติมจำนวน 3,870 ล้านบาท โดยจะซื้อสินทรัพย์จากสปอนเซอร์จำนวน 3,500 ล้านบาทและจากบุคคลอื่นจำนวน 370 ล้านบาทภายในปี 2561 โดยจะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม 90% ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อมูลค่าสินทรัพย์รวม (LTV) จะกลับไปอยู่ที่ระดับประมาณไม่เกิน 26% และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะอยู่ที่ประมาณ 27% ในปี 2561 ในอนาคต ทรัสต์ฯ ตั้งใจจะขยายการลงทุนในสินทรัพย์อย่างต่อเนื่องโดยการซื้อจากสปอนเซอร์เป็นส่วนใหญ่ที่มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2562-2563 โดยยังคงมีเป้าหมายคงอัตราส่วน LTV ไม่ให้เกิน 30% ในระยะปานกลางจนถึงระยะยาว

ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในระดับดีพอใช้

การเพิ่มขึ้นของภาระหนี้จากการควบรวมในปี 2560 ในขณะที่มีการรวมรายได้เข้ามาเพียงบางส่วนนั้นทำให้อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของทรัสต์ฯ ลดลงมาอยู่ที่ 7.4% ในปี 2560 จาก 21.4% ในปี 2559 และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ 5.5 เท่าในปี 2560 ลดลงเล็กน้อยจาก 6 เท่าในปี 2559 ในอนาคตคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นและอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 12%-16% และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายมีการคาดการณ์ที่ระดับ 5-7 เท่าภายใน 3 ปีข้างหน้า

มีความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการชำระคืนหนี้

จากภาระเงินกู้ที่มีจำนวน 5,540 ล้านบาท ทรัสต์ฯ มีกำหนดชำระหนี้จำนวน 3,740 ล้านบาทและ 800 ล้านบาทในช่วงกลางปี 2561 และในปี 2563 ตามลำดับ โดยหนี้จำนวน 3,740 ล้านบาทดังกล่าวเป็นเงินกู้ Bridging Loan ที่กู้ยืมมาเพื่อรวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ฯ ทั้งนี้ ทรัสต์ฯ มีแผนการออกหุ้นกู้เพื่อชำระคืนหนี้ก้อนดังกล่าว จากการมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนส่งผลให้ทรัสต์ฯ มีความเสี่ยงด้านการชำระคืนหนี้อยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ ในระยะปานกลาง และทรัสต์ฯ มีแผนเตรียมจัดหาวงเงินกู้ระยะยาวกับสถาบันการเงินไว้รองรับการชำระคืนหนี้ในแต่ละปี

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าของทรัสต์ฯ จะสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอและสามารถรักษาระดับอัตราการให้เช่าที่สูงกว่า 80% เอาไว้ได้ โดยที่ยังคงรักษาระดับการก่อหนี้ให้ได้ตามนโยบายของทรัสต์ฯที่กำหนดไว้

ภายใต้สมมติฐานกรณีฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าสินทรัพย์ของทรัสต์ฯ จะเพิ่มขึ้น 3,870 ล้านบาทในปี 2561 และจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 3,000 ล้านบาททุกปี ในช่วงปี 2562-2563 รายได้ค่าเช่าและบริการคาดว่าจะเพิ่มจากประมาณ 2,500 ล้านบาทในปี 2561 เป็นประมาณ 3,000 ล้านบาทในปี 2563 และคงอัตราการให้เช่าอยู่ที่ประมาณ 80% อัตรากำไรจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ประมาณ 70% และคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อสินทรัพย์รวมจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 30% ตามนโยบายของทรัสต์ฯ

ปัจจัยที่อาจจะทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของทรัสต์ฯ อาจถูกปรับลดลงหากอัตราการให้เช่าลดลงต่ำกว่าประมาณการอย่างมีนัยสำคัญหรือเงินกู้จากการขยายธุรกิจสูงกว่าที่คาดเป็นระยะเวลานาน ในทางกลับกัน อันดับเครดิตอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นหากกระแสเงินสดของทรัสต์ฯ เพิ่มขึ้นหรืองบดุลแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งจะนำไปสู่การมีความสามารถในการชำระหนี้ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TREIT)

อันดับเครดิตองค์กร: A

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4