ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน “ธ. เกียรตินาคิน” ที่ “A-” หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ที่ “BBB” และเปลี่ยนแนวโน้ม เป็น “Positive” จาก “Stable&rd

พุธ ๒๕ เมษายน ๒๐๑๘ ๑๗:๒๕
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A-" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ของธนาคารที่ระดับ "A-" และ "BBB" ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "Positive" หรือ "บวก" จาก "Stable" หรือ "คงที่" เพื่อสะท้อนถึงการที่ธนาคารได้พัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ไปในทางที่ดีขึ้น โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้นจากการรวมฐานการดำเนินการของธุรกิจตลาดทุนและธุรกิจธนาคารพาณิชย์ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความหลากหลายของรายได้โดยเฉพาะรายได้ที่ไม่ได้มาจากการให้สินเชื่อ และฐานเงินทุนที่มีความแข็งแกร่งของธนาคารด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงจากส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อและเงินรับฝากที่มีขนาดเล็ก และความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัดของธนาคาร

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ธนาคารพาณิชย์ผนวกกับธุรกิจตลาดทุนแข็งแกร่ง

สถานะทางธุรกิจของธนาคารเกียรตินาคิน และบริษัทย่อยภายใต้ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) (กลุ่มธุรกิจการเงิน

เกียรตินาคินภัทร) สะท้อนถึงธุรกิจที่มีความหลากหลาย โดยกลุ่มธุรกิจได้แบ่งสายงานทางธุรกิจตามเป้าหมายกลยุทธหลัก ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจ Private Banking และธุรกิจวาณิชธนกิจ (Investment Banking)

ธุรกิจสินเชื่อคาดว่าจะยังคงสัดส่วนรายได้สูงที่สุดในระยะปานกลาง ในขณะที่ทางกลุ่มได้มุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจที่ไม่ได้มากจากการปล่อยสินเชื่อ ส่วนธุรกิจ Private Banking ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์บริหารความมั่งคั่งแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง เป็นธุรกิจที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว ทางกลุ่มยังมีธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่ง การเกื้อหนุนระหว่างธุรกิจในกลุ่มที่เพิ่มสูงขึ้นยังคงมุ่งเน้นช่องทางร่วมในการให้บริการ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ และการรวมฐานการดำเนินงาน

ธนาคารเกียรตินาคินเป็นธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็ก ณ สิ้นปี 2560 ธนาคารมีสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 10 จากกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทั้งสิ้น 11 แห่ง ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อ 1.7% และเงินรับฝาก 1.1%

ธนาคารและบริษัทย่อยมีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย แม้ว่าจะมีความเชื่อมโยงต่อความผันผวนของธุรกิจตลาดทุนสูง สัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 63.3% และ 36.7% ตามลำดับของรายได้รวมในปี 2560 ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับกลุ่ม รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิมีสัดส่วน 24.1% ของรายได้รวม

การปล่อยสินเชื่อที่กระจายตัวมากขึ้น

ธนาคารมุ่งเน้นการลดการพึ่งพาการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์สู่การปล่อยสินเชื่อที่หลากหลายมากขึ้น ในปี 2560 สินเชื่อรวมเติบโตในระดับ 9.3% หลังจากหดตัวลงอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อ Lombard และสินเชื่อบุคคลที่ให้ผลตอบแทนสูง ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปีที่ผ่านมา ในทางกลับกัน สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์หดตัวลง

ณ สิ้นปี 2560 สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มีสัดส่วน 56.9% ของสินเชื่อรวม ลดลงจาก 66.7% ในปีก่อน กว่า 56% ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เป็นสินเชื่อรถมือสอง

ธนาคารเกียรตินาคินมีเป้าหมายที่จะทยอยเพิ่มสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้าวาณิชย์ธนกิจ รวมถึงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.2% ณ สิ้นปี 2560 จากระดับ 3.9% ในปีก่อน ในขณะที่สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังคงอยู่ที่ระดับ 23% ของสินเชื่อรวม โดยประมาณ 15% ของสินเชื่อรวมเป็นสินเชื่อให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ผลกำไรที่ดีสนับสนุนการเพิ่มฐานทุน

ธนาคารเกียรตินาคินมีสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่ง อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์ Basel-III อยู่ที่ระดับ 14.6% เป็นสัดส่วน 83% ของเงินกองทุนรวม ณ สิ้นปี 2560 ทริสเรทติ้งมองว่าสถานะเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการรองรับการเติบโตของธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เมื่อพิจารณาจากอัตราส่วนเงินปันผลที่ระดับ 50-60%

ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งสนับสนุนการเพิ่มฐานทุนของกลุ่ม อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยที่ระดับ 2.34% ในปี 2560 อยู่ในกลุ่มที่มีระดับสูงที่สุดในอุตสาหกรรม อัตรากำไรจากดอกเบี้ยสุทธิหลังจากหักต้นทุนทางเครดิตก็อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาร่วมกับที่มาของผลกำไรที่หลากหลาย ธนาคารมีความสามารถในการทำกำไรอย่างเพียงพอที่จะรองรับสภาวะความผันผวนตามวัฏจักรธุรกิจได้

ความคืบหน้าจากการพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ไปในทางที่ดีขึ้น

ในความเห็นของทริสเรทติ้ง ธนาคารเกียรตินาคินมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของกลุ่มในเพื่อยกระดับมาตรฐานการบริหารความเสี่ยงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารได้พยายามแก้ปัญหาหนี้เสียคงค้างอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหนี้ของกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เดิม และในขณะเดียวกันก็ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือทางเครดิตสูงขึ้น ทั้งนี้ พอร์ตสินเชื่อที่กระจายตัวมากขึ้นซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อรายย่อยที่มีความหลากหลายจะมีส่วนช่วยจำกัดความเสี่ยงทางเครดิตในอนาคตได้

ต้นทุนทางเครดิตโดยรวม ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.8% ในปี 2560 จากจุดสูงสุดที่ 2.8% ในปี 2557 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ก็ลดลงเหลือ 5.00% ณ สิ้นปี 2560 จาก 5.85% ณ สิ้นปี 2558 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยและธุรกิจก่อสร้างลดลงมาที่ระดับ 19.6% ณ สิ้นปี 2560 จาก 23.4% ในปีก่อน ซึ่งหนี้ที่มีปัญหาเหล่านี้เป็นหนี้มูลค่าขนาดใหญ่ที่มีหลักประกันให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่กี่ราย

สถานะเงินทุนอ่อนแอ สภาพคล่องเพียงพอ

อันดับเครดิตของธนาคารเกียรตินาคินถูกจำกัดโดยสถานะแหล่งเงินทุน ธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดเล็กจะมีสัดส่วนของฐานเงินฝากรายย่อยที่ค่อนข้างเล็กในขณะที่มีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมในระดับสูง สัดส่วนของบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ (Current Account and Savings Account – CASA) ต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงินซึ่งเป็นตัวสะท้อนถึงแหล่งเงินทุนที่มีความมั่นคงสูงอยู่ที่ระดับ 40.6% ณ สิ้นปี 2560 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ประมาณ 60% เงินกู้ยืมอยู่ที่ระดับ 28.6% ของแหล่งเงินทุนรวม สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 5.8% อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงินก็อยู่ในระดับสูงที่ 145%

ธนาคารพยายามสร้างความเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มลูกค้าธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งการขยายตัวของฐานเงินฝากรายย่อยอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี้จะสามารถเสริมสถานะทางแหล่งเงินทุนของธนาคารได้ในระยะยาว

สภาพคล่องของธนาคารจัดว่าอยู่ในระดับเพียงพอด้วยอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงินและรายการระหว่างธนาคารที่ระดับ 35.4% ณ สิ้นปี 2560 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามหลักเกณฑ์ Basel III

อันดับเครดิต "BBB" สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (KK25DA) สะท้อนความเสี่ยงในการด้อยสิทธิและความเสี่ยงในการไม่ชำระหนี้ตามเงื่อนไขการรองรับผลขาดทุนเมื่อธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ตราสารดังกล่าวมีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ Basel III และเป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตราสารประเภทนี้มีลักษณะด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ไม่สามารถเลื่อนการชำระดอกเบี้ย และไม่สามารถแปลงสภาพได้ ธนาคารสามารถไถ่ถอนตราสารคืนทั้งจำนวนก่อนวันครบกำหนดได้ภายหลังระยะเวลา 5 ปีนับจากวันที่ออกตราสารและได้รับความเห็นชอบจาก ธปท. โดยผู้ถือตราสารประเภทนี้มีสิทธิที่ด้อยกว่าผู้ฝากเงินและผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของธนาคาร ทั้งนี้ ตราสารดังกล่าวสามารถตัดเป็นหนี้สูญได้ ในกรณีที่หน่วยงานกำกับดูแลพิจารณาเห็นว่าธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ธนาคาร ภายใต้เงื่อนไขที่ได้ระบุไว้

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Positive" หรือ "บวก" สะท้อนถึงความคืบหน้าของธนาคารในการพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ไปในทางที่ดีขึ้น การยกระดับมาตรฐานการบริหารความเสี่ยง การเกื้อหนุนระหว่างธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจตลาดทุน รวมถึงพอร์ตสินเชื่อที่มีการกระจายตัวมากขึ้น

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้โดยขึ้นอยู่กับการแก้ปัญหาหนี้เสียคงค้างอย่างต่อเนื่อง และดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างระมัดระวัง ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมของธนาคารเกียรตินาคินจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และรักษาต้นทุนทางเครดิตให้อยู่ในระดับต่ำใกล้เคียงกับปัจจุบัน และคาดหวังว่าธนาคารจะรักษาสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่งและเพิ่มการกระจายตัวของพอร์ตสินเชื่อให้มากขึ้น

ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

KK187A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 240 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-

KK18DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 625 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-

KK18DB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561 A-

KK202A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-

KK203A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-

KK25DA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต: Positive

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. DEK ดิจิทัลมีเดีย SPU บุก Thailand Toy Expo 2024 โชว์ผลงานสุดคูล!
๑๘ เม.ย. Zoho ยกระดับแอปพลิเคชันทางธุรกิจ ด้วยการทำงานร่วมกันของ Generative AI และ Low-Code
๑๘ เม.ย. Dent Talk : Fresh Up Your Knowledge ไม่รู้.ไม่ได้แล้ววว สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้า
๑๘ เม.ย. โรงแรมเชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา ต้อนรับนักหมากรุกรวม 300 คน กว่า 50 ประเทศ ในการแข่งขัน Bangkok Chess Club Open ครั้งที่ 21 ประจำปี
๑๘ เม.ย. 'Water War Chiang Mai 2024' เทศกาลดนตรีใหญ่ที่สุด เปียกสุด! เดือดสุด! จัดเต็มอย่างยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองเชียงใหม่
๑๘ เม.ย. TB Media Global จับมือ MQDC จัดกิจกรรมสงกรานต์ The Vibrant Forestias :Sook-San Songkran บนผืนป่าของ The
๑๘ เม.ย. SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต รับรางวัลแบรนด์ยอดเยี่ยมประจำปี 2023
๑๘ เม.ย. โรงพยาบาลหัวเฉียว จัดโครงการธรรมโอสถ บรรยายธรรมะเรื่อง สุขในงานเบิกบานในชีวิต
๑๘ เม.ย. หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ต่อยอดความสำเร็จธนาคารน้ำใต้ดิน สร้างความมั่นคงทรัพยากรน้ำ
๑๘ เม.ย. คณะดิจิทัลมีเดีย SPU ขอเชิญร่วมกิจกรรมเสวนา หัวข้อ AI Trends Unlock Limitless Creative Potential in Digital