กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ตลาดจะจับตาตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการเติบโตของค่าจ้างในสหรัฐฯ สถานการณ์ตลาดตราสารหนี้ในอิตาลีและสเปน และราคาน้ำมันดิบซึ่งจะส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ อาทิ สหรัฐฯ และเยอรมัน หลังจากผลตอบแทนระยะ 10 ปี ของสหรัฐฯ ปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 3% อีกครั้ง นอกจากนี้ ความคืบหน้าของการเจราจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน แนวโน้มการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ รวมถึงวิกฤติค่าเงินในตุรกีจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย อนึ่ง กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี ตั้งข้อสังเกตว่า การโยกเงินเข้าออกของนักลงทุนต่างชาติระหว่างตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้นไทยสลับกันไปจะช่วยจำกัดการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้างในระยะนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ ตลาดจะให้ความสนใจตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม ซึ่งคาดว่ามีสัญญาณเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง และจะส่งผลต่อการคาดการณ์ของตลาดในเรื่องช่วงเวลาที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่กระทรวงการคลังปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวของจีดีพีเป็น 4.5% จากเดิม 4.2% หลังเศรษฐกิจไตรมาสแรกเติบโตสูงถึง 4.8% โดยคาดว่าในปีนี้ มูลค่าส่งออกจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 8% ขณะที่การลงทุนของภาครัฐเริ่มกลับมาช่วยสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์
ติดต่อ นางสาวรุ่ง สงวนเรือง
อีเมล: [email protected]
โทร. 66-2-266-3011 ต่อ 5646