กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 31.85-32.20 มองกระแสเงินทุนต่างชาติยังไม่กลับเข้าไทย

จันทร์ ๐๔ มิถุนายน ๒๐๑๘ ๑๓:๔๖
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.85-32.20 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 32.00 ต่อดอลลาร์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในเดือนพฤษภาคม เงินบาทอ่อนค่าลงราว 1.4% จากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ สำหรับสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 1.29 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเยน หลังพรรคร่วมรัฐบาลอิตาลีบรรลุข้อตกลงที่สามารถยุติทางตันทางการเมือง ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรและต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลอิตาลีมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่วนเงินยูโรฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน และนักลงทุนขายทำกำไรในเงินดอลลาร์ ส่วนการอ่อนค่าของเงินเยนเป็นไปอย่างจำกัดท่ามกลางความวิตกรอบใหม่เกี่ยวกับสงครามการค้าโลก

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่านักลงทุนจะให้ความสนใจการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้าหลัก หลังสหรัฐฯ สั่งเก็บภาษีนำเข้าอะลูมิเนียมและเหล็กกล้าจากแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงยืดเยื้อ นอกจากนี้ ข้อมูลการจ้างงานเดือนพฤษภาคมของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยอัตราการว่างงานแตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปี ที่ 3.8% รวมถึงค่าจ้างซึ่งเติบโตได้ดี บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 12-13 มิถุนายนและมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขยับสูงขึ้น ในภาวะดังกล่าว กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี คาดว่ากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจะยังไม่กลับเข้ามาในตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยอย่างมีนัยสำคัญในระยะนี้

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 1.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในรอบ 16 เดือน ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.80% เราคาดว่าทิศทางขาขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะดำเนินต่อไป ท่ามกลางการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในที่ฟื้นตัว รวมถึงฐานปี 2560 ที่ใช้เปรียบเทียบค่อนข้างต่ำ ในระยะข้างหน้า เราประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1.75% ก่อนสิ้นปีนี้ หากเศรษฐกิจไทยสามารถรักษาแรงส่งเชิงบวกของการเติบโตและมีสัญญาณกระจายตัวมากขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4