“บล.โกลเบล็ก” มองหุ้นไทยถูกปัจจัยต่างประเทศกดดัน ให้กรอบดัชนี 1,670-1,705 จุด –เก็งกำไรหุ้นเป้าหมายทำWindow dressing

อังคาร ๑๙ มิถุนายน ๒๐๑๘ ๑๐:๑๕
บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยแม้มีปัจจัยบวกจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลังนี้มีทิศทางเติบโตดีต่อเนื่องส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศไทย แต่ปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะปัญหาสงครามการค้า และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในรอบต่อไปยังกดดันตลาด ให้กรอบดัชนี 1,670-1,705 จุด แนะลงทุนหุ้นมีปัจจัยบวกรองรับ โดยเฉพาะหุ้นเป้าหมายการทำ Window dressing ส่วนราคาทองคำแนะจับตาที่ 1,280 ดอลลาร์ หากยืนได้ควรรอจังหวะเล่น swing short เมื่อเข้าใกล้ระดับ1,300 ดอลลาร์ แต่ถ้ายืนไม่อยู่ ควรถือหรือเล่นฝั่ง short เป็นหลัก โดยเน้นปิดทำกำไรเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน หรือ อาจเลือก trading short ในสินค้า Gold-D

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ได้รับผลบวกจากเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลังนี้ยังคงเติบโตดี เป็นภาพของการฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีการเติบโตได้ค่อนข้างดี รวมถึงคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เล็งปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ GDP และการเติบโตของการส่งออกในปีนี้ตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกซึ่งมีแนวโน้มดี และน่าจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนภาคท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศไทย โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 61 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.6 ล้านคน ขยายตัว 12.62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังคงมีปัจจัยกดดันจากสงครามการค้ามีแนวโน้มยืดเยื้อหลังสหรัฐฯประกาศรายการสินค้านำเข้าจากจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% เพื่อตอบโต้ที่จีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ ขณะที่จีนก็ตอบโต้ด้วยการประกาศบัญชีรายการสินค้าสหรัฐที่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเช่นกัน

รวมถึง ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินมีแนวโน้มทยอยความเข้มงวดมากขึ้นจากที่เคยใช้นโยบายผ่อนคลายในช่วงก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในปีนี้ ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณเลิกมาตรการ QE ในปลายปีนี้ ประกอบกับราคาน้ำมันชะลอตัวจากความกังวลเกี่ยวกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ค่าเงินบาทอ่อนค่า และ fund flow ไหลออกต่อเนื่องในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 3.1 หมื่นล้านบาท ยังคงกดดันต่อภาวะตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้ ยังคงต้องจับตาในวันที่ 20 มิ.ย. กำหนดประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 4/2561 เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่ากนง.น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม และในวันเดียวกันนี้มีกำหนดประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) เพื่อพิจารณาว่าจะเลื่อนการใช้มาตรฐานบัญชี IFRS 9 ออกไปจากเดิมในปี 62 หรือไม่ และธนาคารกลางญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานการประชุมที่ได้ประชุมระหว่าง 14 – 15 มิ.ย. ซึ่งได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิมและการใช้นโยบายการเงินเชิงรุก รวมถึงในวันที่ 22 มิ.ย. มีกำหนดประชุมกลุ่มโอเปกเกี่ยวกับกำลังการผลิตน้ำมัน และสหรัฐฯ อียู จีน กำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้น

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มชะลอตัว คาดดัชนี SETผันผวนในกรอบ 1,670-1,705 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวก ได้แก่ HANA เลือกเป็น Top pick ของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า เนื่องจากมี Div. Yield มากสุดราว 5.7% และมี Forward PER ใกล้ระดับต่ำสุดของกลุ่มที่ 12 เท่า และมีความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบต่ำสุดในภาวะราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้นไปกว่า 20% ในปี 60

นอกจากนี้ยังแนะนำหุ้นที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายในการทำ Window dressing ได้แก่ CPALL, ADVANC, CPN, EA, GPSC และ TVO รวมถึง GGC และ EAได้อานิสงส์จากในเดือนก.ค.รัฐปรับเพิ่มสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลจากสูตร B7 เป็น B20

ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แรงกดดันจากการคาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องและถี่ขึ้น รวมทั้งการทยอยดึงเงินออกจากระบบเศรษฐกิจเร็วขึ้น ส่งผลให้เงินไหลกลับสหรัฐฯ ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า ในขณะที่การส่งสัญญาณยุติ QE อย่างแน่นอนของECB และภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับชาติต่าง ๆ ก็เสริมให้เงินไหลออกจากตลาดเกิดใหม่และสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้เงินดอลลาร์มีทิศทางที่แข็งค่าอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ จึงกดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงหลุดระดับ 1,300 ดอลลาร์อีกครั้ง โดยแม้ว่าค่าเงินบาทที่อ่อนจะช่วยพยุงราคาในประเทศได้บ้างบางส่วน แต่แนวโน้มราคาทองคำมีความเสี่ยงจะหลุด 1,275 ดอลลาร์ ตามแรงกดดันที่ยังมีต่อเนื่องจากปัจจัยข้างต้น ซึ่งมีโอกาสที่ราคาจะลงมาตั้งหลักที่แนวรับบริเวณ 1,240 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม แนะนำ จับตา 1,280 ดอลลาร์ หากยืนได้ ควรรอจังหวะเล่น swing short เมื่อเข้าใกล้ระดับ 1,300 ดอลลาร์ แต่ถ้ายืนไม่อยู่ ควรถือหรือเล่นฝั่งshort เป็นหลัก โดยเน้นปิดทำกำไรเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน หรือ อาจเลือก trading short ในสินค้า Gold-D

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๐ แคสเปอร์สกี้เผย บริษัทมากกว่าครึ่งในเอเชียแปซิฟิกใช้ AI และ IoT ในกระบวนการทางธุรกิจ
๑๗:๑๔ พร้อมจัดงาน สถาปนิก'67 ภายใต้ธีม Collective Language : สัมผัส สถาปัตย์
๑๗:๓๓ โรงแรมชามา เลควิว อโศก กรุงเทพฯ จัดโปรโมชั่นฉลองเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๓๘ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยชาวสระแก้ว มอบศาลาที่พักผู้โดยสาร เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ใช้รถใช้ถนน และเพื่อเป็นที่หลบแดดหลบฝน ณ
๑๗:๔๙ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดพิธีประสาทปริญญาบัตร พร้อมมอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 3 ท่าน
๑๗:๑๘ แน็ก ชาลี - มุก วรนิษฐ์ ชวนเปิดประสบการณ์ความเฟรช ในงาน Space of Freshtival 30 มีนาคมนี้ ที่ สยามสแควร์วัน
๑๗:๑๐ อิมแพ็ค จัดงาน Happy Hours: Wine Tasting Craft Beer ต้อนรับลูกค้าช่วงมอเตอร์โชว์
๑๗:๓๒ สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานแพร่ มอบเครื่องมือพื้นฐานชุดการฝึก (ชุดเครื่องมือทำมาหากิน) รุ่นที่ 4/2567
๑๗:๕๒ ดีพร้อม ดึงผู้ประกอบการเงินทุนฯ ทั่วประเทศ เปิดพื้นที่ทดสอบตลาด จัดงาน พร้อมเปย์ ที่ DIPROM FAIR
๑๗:๔๕ เขตราชเทวีจัดเทศกิจกวดขันผลักดันผู้ค้าตั้งวางแผงค้ารุกล้ำบนทางเท้าถนนราชปรารภ