“AECS ” มองนโยบาย ทรัมป์ ทำตลาดหุ้นผันผวน ให้กรอบดัชนี 1,585 - 1,630 จุด – แนะลงทุนหุ้นกำไรไตรมาส 2เด่น

อังคาร ๐๓ กรกฎาคม ๒๐๑๘ ๑๐:๐๘
บล.เออีซี (AECS) ตลาดหุ้นไทยเจอมรสุมปัจจัยลบจากนโยบายของ "ทรัมป์" สงครามการค้าส่อวุ่นวายมากขึ้น ราคาน้ำมันมีทิศทางลดลงหลังหลังทรัมป์ทวิตฯ ข้อความว่าซาอุฯ พร้อมจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกได้ถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ชดเชย Supply ที่หายไป พร้อมให้กรอบดัชนี 1,585 - 1,630 จุด แนะลงทุนหุ้นประกาศงบไตรมาส 2/61 เด่น ชู KBANK-BBL-CPALL-BEAUTY-BJC- BDMS- JKN- LH

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ (3-6 ก.ค.) ให้กรอบดัชนี 1,585 - 1,630 จุด แม้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาดัชนีจะปรับตัวลงไปกว่า 7.61% เมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า จน PER ตลาดลดลงมาอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ SET10 ปีย้อนหลังที่ 15.9 เท่า ถือเป็นการพักฐานก่อนที่จะมีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามา

สำหรับปัจจัยกดดันตลาดหุ้น ยังคงเป็นปัจจัยจากต่างประเทศ อาทิ ภาวะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้าหลายประเทศที่รุนแรงขึ้น โดยล่าสุดแคนาดาประกาศแผนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ มูลค่ารวม 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ในอัตรา 10% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เพื่อต่อต้านมาตรการ Safe guard เหล็กและอลูมิเนียม อีกทั้งวันที่ 6 ก.ค. นี้ สหรัฐฯ-จีน จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าระยะแรกในสินค้ามูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดจะสร้าง Sentiment เชิงลบ และมีโอกาสที่สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการปกป้องทางการค้าที่รุนแรงมากขึ้น ตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มระดับการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนอีกราว 2 แสนล้านดอลลาร์หากจีนยังไม่ยอมยกเลิกการตอบโต้ด้านภาษี

อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่อาจปรับลง หลังหลังทรัมป์ทวิตฯ ข้อความที่ระบุว่าซาอุฯ พร้อมจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกได้ถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อชดเชยSupply ที่หายไปของอิหร่านและเวเนซุเอล่า ซึ่งสูงกว่าที่ OPEC มีมติเพิ่มกำลังการผลิตในวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา และอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังคงมีทิศทางร้อนแรงขึ้น จากทั้งในส่วนของดัชนี Core PCE ขยับขึ้นเป็น 2% และดัชนีฝ่ายจัดซื้อที่เพิ่มขึ้นแตะ 64.1 จาก 60 จุดในเดือนก่อน ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยของเฟดให้เร่งตัวขึ้นกว่าเดิม

ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "ทยอยซื้อ เน้นรับและไม่ไล่ราคา" ในกลุ่มหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ดังนี้หุ้นธนาคารพาณิชย์ที่คาดกำไรโตหรือราคาหุ้นยังLaggard โดยมี PBV ต่ำ 1 เท่า ชู KBANK- BBL และ หุ้นDomestic Play ที่คาดช่วงไตรมาส 2/2561 กำไรยังมีแนวโน้มโตดีเมื่อเทียบจากปีก่อน ชู CPALL-BEAUTY – BJC – BDMS - JKN -LH

ส่วนในทางเทคนิคแนะนำ "ถือเงินสด" หรือเลือก Trading Short ในตราสารอนุพันธ์ ส่วนนักลงทุนระยะกลางยังคงคำแนะนำเดิม "ถือเงินสด" ทั้งนี้กลุ่มที่คาด Outperform สัปดาห์นี้ เลือกกลุ่ม พาณิชย์ โดยมี Top Pick ได้แก่ ROBINS คาดหวังรีบาวด์แนวต้าน 60.00 บาท และหุ้น MAKRO คาดหวังรีบาวด์แนวต้าน 41.75 บาท ทั้งนี้ Stop Loss หากหลุด 38.25 บาท

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐:๕๙ ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ให้การต้อนรับอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีปทุม
๒๐:๓๑ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
๒๐:๕๒ Vertiv เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ไมโครโมดูลาร์รุ่นใหม่ที่มี AI ในเอเชีย
๒๐:๐๙ พิธีขึ้นเสาเอก เปิดไซต์ก่อสร้าง โครงการ แนชเชอแรล ภูเก็ต ไพรเวท พูลวิลล่า บ้านเดี่ยวบนทำเลทองใจกลางย่านเชิงทะเล
๒๐:๔๖ เขตบางพลัดประสาน รฟท.-กทพ. ปรับภูมิทัศน์ เพิ่มพื้นที่สีเขียวหน้าสถานีรถไฟบางบำหรุ
๒๐:๕๘ ร่วมแสดงความยินดีแก่อธิบดีกรมยุโรป ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์
๒๐:๐๓ กทม. เดินหน้าจัดกิจกรรมริมคลองโอ่งอ่าง ส่งเสริมอัตลักษณ์ กระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว
๒๐:๔๙ พาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พาคุณไปสัมผัสการนวดเพื่อสุขภาพจาก 4 ภูมิภาคของไทย
๒๐:๒๔ Digital CEO รุ่นที่ 7 เรียนรู้เข้มข้นต่อเนื่อง จากวิทยากรชั้นนำของวงการ
๒๐:๒๔ เด็กไทย คว้ารางวัลระดับโลก โดรนไทย ชนะเลิศนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางด้านอากาศยานไร้คนขับ UAV ณ กรุงเจนีวา