นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผยว่า TEAMG ถือได้ว่าประสบความสำเร็จในการซื้อขายวันแรก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ประกอบกับแนวโน้มในการเติบโตในอนาคต ตามแผนการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น หลังจากที่ได้รับเงินระดมทุนจาก IPO ในครั้งนี้ นอกจากนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ก็จะเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจกับพันธมิตรต่างประเทศที่สำคัญในอนาคต
"ในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการไปแล้ว 414.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.47 จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 21.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.82 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยคาดว่าในไตรมาสที่เหลือของปี 2561 บริษัทจะสามารถทำกำไรได้ในอัตราที่เติบโตขึ้น เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้จาก backlog เดิมที่มีอยู่ ในขณะที่ช่วงที่ผ่านมา บริษัทก็ได้รับงานใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง" นายสมภพฯ กล่าว
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น TEAMG กล่าวว่าราคาหุ้น TEAMG ปิดทำการซื้อขายวันแรกที่ 2.70 บาท คิดเป็น11.57% จากราคาจองซื้อที่ 2.42 บาท ถือได้ว่าสะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจของบริษัทฯ และผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุน รวมถึงทิศทางการเติบโตของธุรกิจที่ชัดเจนในอนาคต
นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผยเพิ่มเติมว่าบริษัทฯ มีความยินดี และขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจ และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบริษัทฯ ซึ่งบริษัทฯเองก็หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนแบบนี้ตลอดไป และในฐานะผู้บริหารจะตั้งใจทำงาน เพื่อให้ธุรกิจมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนทุกท่านต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในครั้งนี้ทำให้บริษัทมีเงินทุนเพื่อลงทุนด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าต่างๆ มากขึ้นและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องและลดต้นทุนทางการเงิน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของบริษัทที่จะดำเนินการตามวิสัยทัศน์เพื่อขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ และก้าวไปสู่การเป็นบริษัทที่ปรึกษาทางวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมชั้นนำของอาเซียน
ทั้งนี้บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2561 จะเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทมี Backlog ที่รอรับรู้รายได้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2561 เท่ากับ 3,473.94ล้านบาท อีกทั้งในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ยังมีการรับงานเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ไตรมาสที่ 3 และ 4 ในปีนี้ คาดว่าจะได้รับงานโครงการจากภาครัฐเพิ่มเติมอีกหลายโครงการ สอดคล้องกับการเร่งดำเนินการตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐในด้านต่างๆ อีกทั้งแผนธุรกิจที่จะขยายฐานลูกค้าไปสู่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น