ดีเคเอสเอชเพิ่มยอดขายสุทธิ 7.4% พร้อมผลกำไรหลังหักภาษี 4.5% ในครึ่งแรกของปี 2561

พฤหัส ๑๙ กรกฎาคม ๒๐๑๘ ๑๑:๔๔
- ยอดขายสุทธิเติบโตขึ้น 7.4% เป็นจำนวน 5.7 พันล้านฟรังก์สวิส

- กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) เพิ่มขึ้น 0.5% พร้อมผลกำไรหลังหักภาษี 4.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว

- เพิ่มศักยภาพในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี

- พัฒนากลยุทธ์ที่มุ่งเน้นเฉพาะกลุ่ม: โอนหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศจีน และควบรวมกิจการในประเทศนิวซีแลนด์

- ในปี 2561 คาดหวังว่าจะมียอดขายสุทธิและผลประกอบการเท่ากับปีที่แล้วโดยประมาณ

ดีเคเอสเอช ผู้นำในการให้บริการด้านการขยายตลาดโดยมุ่งเน้นภูมิภาคเอเชียมียอดขายสุทธิเติบโตขึ้น 7.4% เป็นจำนวน 5.7 พันล้านฟรังก์สวิสในครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2561 มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) 139.5 ล้านฟรังก์สวิสเทียบเท่ากับปีที่แล้ว และกำไรหลังหักภาษี 4.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา

ยอดขายของหน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคกลับมาเติบโตอีกครั้งในครึ่งแรกของปี 2561 ซึ่งการตั้งเป้าหมายในการลงทุนรวมถึงการริเริ่มวางแผนต่างๆนี้ ส่งผลกระทบต่อกำไร ดีเคเอสเอชได้มีการยกระดับการบริหารกลุ่มลูกค้ารายใหญ่อย่างจริงจัง ขยายระบบ แนวทางการขายและการกระจายสินค้าสู่ตลาด มีการลงทุนธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียและ e-commerce และเมื่อเร็วๆนี้ ดีเคเอสเอชได้มีการประกาศขายธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศจีนให้กับบริษัท Warburg Pincus ทั้งหมดนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายในการขยายและพัฒนากลยุทธ์เฉพาะทางของกลุ่มดีเคเอสเอช

มร. สเตฟาน พี บุทซ์ ซีอีโอ บริษัทดีเคเอสเอช กล่าวว่า "หน่วยธุรกิจ 3 หน่วย อันได้แก่ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีมีผลประกอบการที่ดีรวมถึงกำไรที่เพิ่มขึ้น ในส่วนของหน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคนั้น เราได้มีการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มยอดขายสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แม้ว่าการตั้งเป้าหมายในการลงทุนรวมถึงการริเริ่มวางแผนต่างๆนั้นจะทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ผลกำไรของทั้งกลุ่มบริษัทยังคงเท่ากับปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทดีเคเอสเอชได้พัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์โดยการเข้าควบรวมกิจการกับบริษัท Davies Foods ซึ่งเรายังขยายกลยุทธ์เฉพาะทางด้วยการโอนธุรกิจในประเทศจีนอีกด้วย"

กลุ่มดีเคเอสเอช

ยอดขายสุทธิทั้งหมดในครึ่งแรกของปี 2561 เติบโตขึ้น 7.4% เป็นจำนวน 5.7 พันล้านฟรังก์สวิส การเติบโตด้วยการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทเอง 3.7% และอีก 0.6% เกิดจากการควบรวมกิจการ ความเคลื่อนไหวขึ้นลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินส่งผลดีอยู่ที่ 3.1%

กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) อยู่ที่ 139.5 ล้านฟรังก์สวิส กำไรหลังภาษี 97.5 ล้านฟรังก์สวิส ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ผลประกอบการเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วโดยมีปัจจัยจากอัตราแลกเปลี่ยนเงิน กำไรของปีที่แล้วส่งผลในทางที่ดีจากยอดขายรวมของศูนย์กระจายสินค้าคิดเป็นมูลค่า 6.8 ล้านฟรังก์สวิส กระแสเงินสดอิสระอยู่ที่ 69.6 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา

หน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค

ยอดขายสุทธิของดีเคเอสเอช ได้เติบโตขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีด้วยการมุ่งเน้นไปที่แบรนด์ของเอเชียที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มขึ้น 9.4% อยู่ที่ 1.9 พันล้านฟรังก์สวิส อีกทั้งยอดขายสุทธิของของประเทศไทยได้มีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วยเช่นกัน กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) อยู่ที่ 25.1% เป็นจำนวน 34.1 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งลดลงกว่าปีที่ผ่านมา

การลดลงของธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 นั้น มีปัจจัยหลักจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในส่วนของการบริหารจัดการลูกค้ารายใหญ่ และการขยายระบบ แนวทางการขายและการกระจายสินค้าสู่ตลาด รวมทั้งได้มีการลงทุนในการขยายตลาดในประเทศอินโดนีเซียและริเริ่มในการพัฒนา e-commerce นอกจากนั้นแล้ว ดีเคเอสเอชยังได้ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจสินค้าหรูหราอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ดีเคเอสเอชได้ควบรวมกิจการบริษัท Davies Foods ในประเทศนิวซีแลนด์เมื่อเดือนมิถุนายนและได้ตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมียอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 6.7% อยู่ที่ 3.1 พันล้านฟรังก์สวิส โดยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตมากที่สุด และเติบโตคงที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) เพิ่มขึ้น 4.9% อยู่ที่ 79.7 ล้านฟรังก์สวิส

หน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรม

ยอดขายสุทธิของหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5.8% อยู่ที่ 475.7 ล้านฟรังก์สวิส มีการเติบโตอย่างสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ฟิลิปปินส์และอินเดีย กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) อยู่ที่ 39.7 ล้านฟรังก์สวิส เพิ่มขึ้น 6.1% จากปีที่แล้ว

หน่วยธุรกิจเทคโนโลยี

หน่วยธุรกิจเทคโนโลยีมียอดขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 192.1 ล้านฟรังก์สวิส กำไรการดำเนินงาน (EBIT) เติบโตขึ้น 52.6% เป็นจำนวน 8.7 ล้านฟรังก์สวิสจากการปรับและมุ่งเน้นพัฒนาพอร์ตโฟลิโอ ธุรกิจประเภทสินค้าทุนเป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น ไทยและอินโดนีเซีย

ด้วยการมุ่งเน้นกลยุทธ์เฉพาะทาง ดีเคเอสเอชได้มีการประกาศในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับข้อตกลงที่จะโอนหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศจีนให้กับบริษัท Warburg Pincus ดีเคเอสเอชได้ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพด้วยกลยุทธ์ที่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มในประเทศจีนมาหลายปี และเรายังคงดำเนินกิจการในประเทศจีนต่อไปด้วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี

การเจรจาโอนธุรกิจคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์และข้อกฎหมายต่างๆ คาดการณ์จากอัตราแลกเปลี่ยนเงินคงที่ ยอดขายสุทธิที่เกี่ยวกับการโอนธุรกิจมีมูลค่ามากกว่า 300 ล้านฟรังก์สวิสในปี 2560 และราคาซื้อคาดว่าประมาณ 100 ล้านฟรังก์สวิส

ภาพรวมของธุรกิจ

ยอดขายสุทธิของดีเคเอสเอชคาดว่าจะเติบโตมากขึ้นในปี 2561 เนื่องจากการลงทุนที่มีเป้าหมายและการริเริ่มโครงการและกลยุทธ์ใหม่ในหน่วยธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงการประกาศโอนธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในประเทศจีน ดีเคเอสเอชยังคาดการณ์ไว้ว่าผลประกอบการรวมจะดีเทียบเท่ากับปีที่แล้ว

ข้อมูลเพิ่มเติม

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2561ที่ผ่านมา ดีเคเอสเอช สำนักงานใหญ่ ณ. เมืองซูริค ได้มีการจัดแถลงข่าวในเวลา 9.30 น. ตามเวลากลางของยุโรป โดยมีการสัมภาษณ์สดและตอบคำถามกับนักวิเคราะห์และนักลงทุนผ่านทางเว็บไซต์ในเวลา 11.00 น. (ภาษาอังกฤษ) สามารถรับชมย้อนหลังได้ที่เว็บไซต์ของดีเคเอสเอชพร้อมทั้งรายละเอียดของ รายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2561

เกี่ยวกับดีเคเอสเอช

ดีเคเอสเอชเป็นผู้นำด้านการให้บริการด้านการขยายตลาด โดยมุ่งเน้นภูมิภาคเอเชีย ดังคำนิยามที่ว่า "บริการด้านการขยายตลาด" ดีเคเอสเอช ช่วยบริษัทและแบรนด์ต่าง ๆ สามารถขยายธุรกิจได้ในตลาดใหม่ หรือในตลาดที่มีอยู่เดิม บริษัทได้จดทะเบียนใน SIX Swiss Exchange ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 เป็นบริษัทระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองซูริค พร้อมทั้งมีสำนักงานสาขา 825 แห่งใน 37 ประเทศ โดย 800 แห่งอยู่ในเอเชีย มีพนักงานผู้เชี่ยวชาญจำนวน 31,970 คน ดีเคเอสเอชมียอดขายสุทธิในปี 2560 จำนวน 1.1 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ดีเคเอสเอชก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2408 ด้วยการสืบทอดวัฒนธรรมอันแข็งแกร่งแบบสวิส บริษัทมีประวัติอันยาวนานในการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียและหยั่งรากลึกในชุมชนและธุรกิจทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๘ มี.ค. องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๒๘ มี.ค. การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๒๘ มี.ค. DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๒๘ มี.ค. JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๒๘ มี.ค. นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๒๘ มี.ค. Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๒๘ มี.ค. โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๒๘ มี.ค. STEAM Creative Math Competition
๒๘ มี.ค. A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๒๘ มี.ค. ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้