(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.04 น. ของวันที่ 25/07/61)
แนวโน้มวันที่ 26 กรกฎาคม 2561
คณะบริหารของปธน.ทรัมป์ระบุเมื่อวานนี้ว่า คณะบริหารจะใช้แผนของยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ในการจ่ายเงินมากถึง 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเกษตรกรสหรัฐในการฝ่าฟันสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นกับจีน, สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ คาดจะเริ่มโครงการต้นเดือน ก.ย. ค่อนข้างชัดเจนว่าค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ จนกระตุ้นแรงซื้อทองคำ ขณะที่สหรัฐพยายามดำเนินนโยบายการคลังและนโยบายเฉพาะกิจเข้าช่วยกลุ่มธุรกิจที่ได้รับปัญหาสงครามการค้า และที่ปรึกษาระดับสูงในคณะบริหารของเม็กซิโกกล่าวเมื่อวานนี้ว่า การปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ(นาฟต้า) ระหว่างสหรัฐ, เม็กซิโก และแคนาดา ควรจะได้ข้อสรุปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทำให้ตลาดคลายความกังวลลงมาก ซึ่งได้ลดความต้องการดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่สามารถต้านทานความผัวผวนของสงครามการค้าได้ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำขยับขึ้นได้อย่างจำกัด เนื่องจากสกุลเงินยูโรปรับลงตอบรับข้อมูลการขยายตัวทางธุรกิจของยูโรโซนที่แข็งแกร่งแต่ต่ำกว่าคาด เพิ่มแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐและยูโรโซนให้มีทิศทางที่แตกต่างกันมากขึ้น นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อดูทิศทาง ECB ว่าจะจะส่งสัญญาณชี้นำอัตราดอกเบี้ยไปในทิศทางใด โดยการประชุมเมื่อเดือนที่แล้ว ECB ส่งสัญญาณว่าจะยุติแผนการซื้อพันธบัตรในเดือนธ.ค.ปีนี้ ขณะนี้นักลงทุนคาดว่า ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 8 ปี ในช่วงปลายปี 2562 ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กังวลว่า ธนาคารต่างๆในยูโรโซนจะเผชิญกับผลกระทบที่สำคัญต่อสถานะทุนและเงินสดของพวกเขาหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทันที เบื้องต้นประเมินว่าหากราคาทองคำยืนเหนือโซน 1,215-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งต้องรอดูว่าราคาจะขึ้นไปยืนเหนือบริเวณแนวต้าน 1,235-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่ เพราะหากไม่สามารถยืนได้นักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำรอจังหวะเข้าซื้อ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้อาจเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณ 1,215-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้รอดูการสร้างฐานของราคา ขณะที่หากถือทองคำไว้อาจรอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านโซน 1,235-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปหากราคายืนเหนือแนวต้านแรกได้อย่างแข็งแกร่ง และควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์เพื่อลดความเสี่ยงพอร์ตการลงทุน ซึ่งหากนักลงทุนไม่มีวินัยในการลงทุนที่จะตัดขาดทุน จะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,211 (19,050บาท) 1,200 (18,850บาท) 1,193 (18,750บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,500บาท) 1,248 (19,650บาท) 1,259 (19,850บาท)
GOLD FUTURES (GFQ18)
แนวรับ 1,211 (19,210บาท) 1,200 (19,040บาท) 1,193 (18,930บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,630บาท) 1,248 (19,810บาท) 1,259 (19,980บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999