TFG โชว์ไตรมาส 2/61พลิกมีกำไร 222 ลบ. อานิสงส์ปรับพอร์ตขายไก่เน้นส่งออก-ราคาขายสุกรสูงขึ้น มั่นใจครึ่งปีหลัง 3 ธุรกิจหลัก ไก่-สุกร-อาหารสัตว์ เติบโตต่อเนื่อง

พฤหัส ๐๙ สิงหาคม ๒๐๑๘ ๑๐:๐๘
TFGเผยผลประกอบการไตรมาส 2/61 พลิกกำไร 222 ล้านบาท จากไตรมาสแรกขาดทุน 107ล้านบาท เนื่องจากปรับพอร์ตการขายไก่หัน เน้นส่งออก ขณะที่ราคาเฉลี่ยสุกรสูงขึ้นส่งผลให้ความสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้ครึ่งปีแรก มีรายได้ 13,367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 12,160 ล้านบาท มั่นใจครึ่งปีหลัง 3 ธุรกิจหลักทั้งไก่-สุกร และอาหารสัตว์ เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะไก่ปรุงสุกเริ่มผลิตขายให้ญี่ปุ่นเดือนสิงหาคมนี้

นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัทไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG เปิดเผยว่าผลประกอบการ ไตรมาส 2/61 มีกำไรสุทธิ 222 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 107ล้านบาท ในไตรมาส 1/61 เป็นผลมาจากการปรับพอร์ตการขายไก่ และ ราคาเฉลี่ยสุกรที่สูงขึ้น

ขณะที่ไตรมาส 2/61 บริษัทฯ มีรายได้รวม 6,712 ล้านบาท จากไตรมาสแรกซึ่งมีรายได้ 6,675 ล้านบาท และหากเปรียบเทียบกับ ไตรมาส 2 /60 มีรายได้6,214 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8 % แต่กำไรลดลง

สาเหตุหลัก ของรายได้เพิ่มขึ้น แต่กำไรลดลงเนื่องจากราคาเฉลี่ยของไก่ ที่ลดลง 13.65% จาก 42.2 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 36.4 บาทต่อกิโล เป็นผลมาจากราคาไก่ในประเทศลดต่ำลง และราคาสุกร เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.84% จาก 60.93 บาทต่อกิโลในปีที่แล้ว เป็น 63..27 บาทต่อกิโลกรัม ในไตรมาส 2/61

ขณะเดียวกัน ณ สิ้นไตรมาส 2/61 บริษัทฯ ได้ลงบัญชี ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 83 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการขาดทุนที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง และ บริษัทฯได้ซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้ารองรับไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดขึ้นจริงในไตรมาส 3 /61 ในส่วนนี้จะกลับมามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 61 ล้านบาท

หากประเมินรายได้ ในรอบครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทฯมีรายได้ 13,367 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน 12,160 ล้านบาท

สำหรับในภาพธุรกิจโดยรวม มีแนวโน้มดีขึ้นในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ โดยธุรกิจไก่ บริษัทฯ ได้เร่งปรับพอร์ตการขาย เข้าสู่ตลาดส่งออก ที่มีกำไร ขั้นต้นสูงขึ้น เพื่อเพิ่มราคาขายเฉลี่ยให้สูงขึ้นอีก โดยเพิ่มพอร์ตการผลิตและการขาย

โดยมีเป้าหมายรวมส่งออก 60,000 ตัน ต่อปี ประกอบด้วย ตลาดส่งออกใหม่ที่บริษัทฯได้รับอนุญาตให้ส่งออกได้ คือ ประเทศจีน ซึ่งมีความต้องการสินค้าประเภท ขาไก่ และ ปีก เข้ามาสูงมาก ถึงสิ้นปี น่าจะทำได้เพิ่มอีกประมาณ 7,000 ตัน ในราคาสูงกว่า ราคาในประเทศ เป็นส่วนที่ได้เพิ่มเข้ามาอย่างชัดเจน

รวมถึงมีตลาดส่งออกเพิ่มเติมทั้ง ยุโรป และญี่ปุ่น ยังเติบโตต่อเนื่อง ตามเป้าหมายเดิม 50,000 ตัน ภายในสิ้นปี เพื่อสร้างกำไรให้สูงกว่าการขายในประเทศ และ เร่งปรับเปลี่ยนสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะสินค้า by-products เป็นสินค้าปรุงสุก ส่งออกและอุตสาหกรรม และ ลดการขายสินค้าไก่ภายในประเทศลง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เริ่มผลิตไก่ปรุงสุก เพื่อส่งออก จากโรงงานใหม่ ในเดือนสิงหาคมนี้ โดยผลิตให้กับ ลูกค้ารายใหญ่จากญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก ส่วนใหญ่เป็นการส่งสินค้าปรุงสุกเข้า เครือข่ายร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ มีออร์เดอร์กลุ่มแรก เป้าหมาย 1,500 ตัน มูลค่าประมาณ 290 ล้านบาท ซึ่งมีราคาเฉลี่ยสูงกว่า การส่งออกไก่ดิบแช่แข็ง และ จะเป็นคำสั่งซื้อระยะยาวต่อเนื่อง มีราคาเสถียรกว่า ทำให้ธุรกิจยั่งยืนกว่า ซึ่งจะช่วยลดการขายไก่ในประเทศ และ ป้อนชิ้นส่วนไก่เป็นวัตถุดิบ สู่โรงงานปรุงสุก มากขึ้นเป็นการเพิ่มราคาไก่เฉลี่ยให้สูงขึ้น อีกทางหนึ่ง

ส่วนธุรกิจ สุกร ในประเทศ ราคาตลาดเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น จากระดับต่ำสุด ในไตรมาสแรก ราคาสุกรเป็นที่ 40 บาทต่อกิโล ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมายังได้รับผลกระทบบางส่วนจากราคาเฉลี่ยที่ต่ำ ปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 58 บาทต่อกิโล ทำให้ ธุรกิจ สุกร สามารถสร้าง รายได้สูงขึ้นมาก จึงเร่งขยาย การเลี้ยงและขาย จากในครึ่งปีแรกเดือนละ 70,000 ตัว เพิ่มอีก 14% เป็น 80,000 ตัวต่อเดือน เพื่อรับการตอบรับดีมานด์และราคาตลาดในครึ่งปีหลังและ ต้นปีหน้า

อีกทั้งได้มีการปรับสัดส่วน การขายสุกรเป็น กับ สุกรชำแหละ เพื่อสร้างกำไรขั้นต้นให้สูงขึ้น เพื่อรองรับ ตลาดที่ฟื้นตัว และ ขยายกำลังการผลิต ของโรงชำแหละสุกร ที่พนัสนิคม ชลบุรี เพิ่มอีก 25% เป็น 1,000 ตัวต่อวัน โดยลดการผลิต สุกรชำแหละ จากโรงชำแหละที่เช่าอยู่ที่ กบินทร์บุรีลงในไตรมาส 3 โดยธุรกิจ สุกร โดยรวมน่าจะทำรายได้รวมประมาณ 6,000 ล้านบาทในปีนี้

ส่วนตลาดสุกรในเวียตนาม ราคาปรับตัวสูงขึ้นสูงกว่าในประเทศไทย ราคาตลาดปัจจุบัน อยู่ที่ ประมาณ 70 บาทต่อกิโลกรัม โดยบริษัทฯ ส่งสุกรเข้าตลาดเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 7,000 ตัวต่อเดือน เป็นเดือนละ 8,000 ตัว ในครึ่งปีหลัง

ธุรกิจอาหารสัตว์ ครึ่งปีแรก มีการขยายตัวต่อเนื่อง จากปีที่แล้ว รายได้ขยายตัวต่อเนื่อง ในปีนี้ยอดขายภายในเครือ ประมาณ 10,000 ล้านบาท และ มีเป้าหมายการขายนอกเครืออยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท ทั้งปีหรือ ขยายตัวกว่า 35% จากปีที่แล้ว และสามารถทำกำไรขั้นต้นได้ต่อเนื่อง

นายเชิดศักดิ์กล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีความมั่นใจว่า ธุรกิจ ทั้ง 3 กลุ่มข้างต้น ยังมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องในระยะยาว และ สร้างรายได้รวมและกำไรเพิ่มให้เติบโตในปี 2561 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังต้องบริหารความเสี่ยงทางการเงิน ราคาตลาดของไก่และสุกร ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าและในประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ รวมถึงป้องกันโรคระบาดของไก่และสุกร อย่างระมัดระวังขั้นสูงสุด

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4