สงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีนลุกลามสู่การแข่งขันลดค่าเงินมากขึ้นกระทบเศรษฐกิจการค้าโลกและภาคส่งออกไทยปีหน้า ความรุนแรงของสงครามทางการค้าถูกยกระดับขึ้น

จันทร์ ๒๙ ตุลาคม ๒๐๑๘ ๑๓:๓๓
28 ต.ค. 2561 เวลา 16.00 น. ที่ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป

ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวถึงผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐอเมริกากับจีนได้ลุกลามสู่การแข่งขันการลดค่าเงิน ว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาเปิดเผยรายงาน นโยบายเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ (International Economic and Exchange Rate Policy) ล่าสุดระบุว่า จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมันและสวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศที่ถูกจับตามองนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯกล่าวหาว่าจีนยังขาดความโปร่งใสในการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน การที่เงินหยวนอ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมากว่า 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ตั้งแต่เดือนมิถุนายนสร้างความกังวลให้กับสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างมาก การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆที่ถูกจับตาจะส่งผลให้สงครามการค้าถูกยกระดับให้รุนแรงขึ้น เกิดความไม่สมดุลต่อระบบเศรษฐกิจและการค้าโลก

อาจจะเกิดการแข่งขันการลดค่าเงินมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการส่งออกภายในประเทศ หลังจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกของหลายประเทศชัดเจนขึ้น ประเทศต่างๆหันไปใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศโดยการรักษาค่าเงินอ่อนค่า จีนมีแนวโน้มหันมาใช้อัตราแลกเปลี่ยนในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นหลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า หากประเทศต่างๆแข่งขันกันลดค่าเงินโดยมีเป้าหมายหลักเพื่อกระตุ้นส่งออกและส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศย่อมนำไปสู่ความเสี่ยงในการเกิดสงครามค่าเงินและยกระดับปัญหาสงครามการค้าให้ซับซ้อนขึ้น จากการศึกษาของ Levy-Yeyati, Sturzenegger and Gluzmann พบว่า ปริมาณการถือทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากแสดงให้เห็นถึงความพยายามของประเทศต่างๆที่ต้องการรักษาค่าเงินของตนให้อยู่ในระดับต่ำ

ตลาดการเงินระหว่างประเทศโดยเฉพาะตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะมีมูลค่าลดลง อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นจากกีดกันทางการค้าแต่จะกดดันด้วยการชะลอตัวลงจากอุปสงค์ของตลาดโลก

ผศ. ดร. อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า "หากจีนเลือกตอบโต้สหรัฐฯโดยเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะส่งผลต่อความผันผวนปั่นป่วนในตลาดการเงินโลกไม่น้อยโดยเฉพาะตลาดปริวรรตเงินตราจะมีความผันผัวนสูง ปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รายใหญ่ที่สุดในโลก คิดเป็นมูลค่า 1.17 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่ผ่านมาตัวเลขการถือครองมีการเคลื่อนไหวขึ้นๆ ลงๆ แต่นับจนถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมา สัดส่วนการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯโดยรัฐบาลจีนล่าสุดยังคงลดลงต่อเนื่องจีนสามารถเลือกที่จะเทขายสินทรัพย์ในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีขึ้นไป หรือ ควบคุมค่าเงินหยวนให้อ่อนค่ากว่าความเป็นจริงเพื่อสร้างความได้เปรียบในการส่งออก

ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ในฐานะอดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึง ข้อเสนอเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงสงครามค่าเงิน ว่า เมื่อเกิดสงครามค่าเงินแล้วไทยไม่ควรเข้าร่วมสงครามค่าเงินด้วยกระโจมเข้าสู่การแข่งขันการลดค่าเงินเพราะไม่ได้ช่วยให้แก้ปัญหาผลกระทบได้ หากจะบริหารจัดการค่าเงินให้อ่อนค่าเพื่อกระตุ้นส่งออกและการเติบโตต้องทำก่อนที่ประเทศอื่นจะดำเนินการและก่อนเกิดสงครามค่าเงิน คาดว่า สงครามค่าเงินเกิดขึ้นแน่และน่าจะทำให้ภาคส่งออกไทยขยายตัวได้ไม่เกิน 3-5% ในปีหน้าโดยที่ยอดส่งออกและนำเข้าผ่านการสั่งซื้อออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยและมักจะมีการสำแดงราคาต่ำเพื่อเลี่ยงภาษีกระทบต่อรายได้ของภาครัฐ นอกจากนี้สงครามค่าเงินจะส่งผลทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและระบบการค้าโลกชะลอตัวลงไม่เป็นไปตามการคาดการณ์ล่าสุด ระบบ Global Supply Chain เครือข่ายการผลิตและการบริหารห่วงโซ่อุปทานแบบโลกาภิวัตน์ไร้พรมแดนจะถูกสั่นคลอนโดยแบ่งแยกออกเป็นสองเครือข่ายใหญ่แทนที่จะเป็นโลกาภิวัตน์หนึ่งเดียว จะแบ่งออกเป็นสองค่าย คือ ค่ายจีนและเครือข่าย กับ ค่ายสหรัฐฯและเครือข่าย ไทยต้องวางตำแหน่งทางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจระหว่างประเทศให้ดีระหว่างสองเครือข่ายนี้ และควรรักษาดุลยภาพความสัมพันธ์ให้ดีระหว่างสองเครือข่ายด้วย เพราะการตอบโต้ทางเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ประเทศไทยต้องลดผลกระทบด้วยการทำให้เศรษฐกิจภายในมีความเข้มแข็งด้วยการเร่งรัดการลงทุนภาครัฐและสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนโดยเฉพาะในส่วนที่จะไปเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและยกระดับผลิตภาพให้สูงขึ้น เพิ่มรายได้ประชาชนกระตุ้นภาคการบริโภคภายในประเทศ ไม่มีความจำเป็นในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็วๆนี้ และ ควรเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน รวมทั้งต้องทำให้เกิด

ความมั่นใจต่อกระบวนการเลือกตั้งในประเทศไทยว่าสามารถสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้อย่างแท้จริงและเป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย สงครามการค้าจะก่อให้เกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจการค้าโลกโดยรวม ในระดับประเทศยังไม่มีผลวิจัยที่สรุปได้ชัดเจนว่า การบริหารจัดการให้ค่าเงินอ่อนค่ามากๆจะส่งผลบวกต่อการเติบโตภายในประเทศในระยะยาว การบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนและการควบคุมการไหลเข้าไหลออกของเงินทุนจะเป็นมาตรการที่มักใช้ในสงครามค่าเงิน และ ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนนักว่าวิธีการดังกล่าวจะทำให้เกิดผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่งานวิจัยจำนวนหนึ่งพบว่า การลดลงของรายจ่ายภาครัฐ การเพิ่มขึ้นของระดับการออมและการลดลงของอัตราเงินเฟ้อช่วยทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลงและเป็นผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ผลดีที่เกิดขึ้นนี้มีขนาดเล็กกว่าผลดีของนโยบายการใช้จ่ายภาครัฐและการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4