กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่านักลงทุนจะจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่น การใช้จ่ายส่วนบุคคล กิจกรรมภาคบริการ รวมถึงการเติบโตของค่าจ้าง เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นอกจากนี้ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) รวมถึงประเด็นต่างๆ ที่รุมเร้าบรรยากาศการลงทุน อาทิ ผลกระทบของข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน สถานการณ์ตลาดพันธบัตรอิตาลี ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจา Brexit ความผันผวนของตลาดหุ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ล้วนเป็นปัจจัยที่จะชี้นำการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเช่นกัน
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ นักลงทุนจะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนตุลาคมที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ ขณะที่ค่าเงินบาทจะยังคงเผชิญแรงกดดันจากตัวเลขยอดส่งออกเดือนกันยายนซึ่งหดตัวครั้งแรกในรอบ 19 เดือน และเริ่มได้รับผลกระทบเชิงลบจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า สงครามการค้า และส่วนหนึ่งอาจสะท้อนการเร่งส่งออกในช่วงก่อนที่มาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม ยอดนำเข้าบ่งชี้ถึงสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่องของอุปสงค์ในประเทศ เราคาดว่าภาวะเช่นนี้อาจสร้างความท้าทายมากขึ้นต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงิน แม้เราจะยังมีมุมมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 1.75% ในปีนี้เพื่อดูแลความเสี่ยงด้านเสถียรภาพซึ่งอาจรุนแรงขึ้นในอนาคต