“AECS ” ชี้ปัจจัยลบทั้งใน-ต่างประเทศกดดันดัชนีก่อนสิ้นปี แนะนสะสมหุ้น Domestic Play กลุ่มสื่อ-ค้าปลีก-นิคม

อังคาร ๒๕ ธันวาคม ๒๐๑๘ ๑๐:๒๙
บล.เออีซี ประเมินหุ้นไทย ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้นปี 61 จับตาปัจจัยลบทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งผลกระทบของสงครามการค้า แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของทั้ง FED และ BOT บวกกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง คาดดัชนีแกวงตัวในกรอบ 1,577-1,626 จุดถึงสิ้นปี แนะกลยุทธ์ลงทุน Domestic Play ขนาดกลาง-ใหญ่ 3 กลุ่มหลัก กลุ่มสื่อ PLANB-VGI-MAJOR กลุ่มค้าปลีก ROBINS-CPN กลุ่มนิคม AMATA-WHA

บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี 2561ว่า ยังคงจับตาปัจจัยต่างประเทศเป็นหลักภายหลังสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะปิดหน่วยงานรัฐชั่วคราว หลังพรรคเดโมแครตและ รีพับริกันไม่สามารถตกลงร่างงบประมาณชั่วคราวได้ทันตามกำหนด เนื่องจากข้อขัดแย้งต่อการเพิ่มงบประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงการสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อพนักงานรัฐฯ กว่า 800,000 คน ซึ่งแม้จากข้อมูลในอดีตภาวะปิดหน่วยงานหากมีระยะเวลาไม่นานนัก (1-5 วัน) จะมีผลกระทบที่ไม่มาก แต่จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นหากหน่วยงานรัฐฯ ปิดดำเนินการเป็นเวลานาน (ปี 2554 ปิด 20 วัน ดัชนี DJIA ปรับลง 1.7%

ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนรอติดตามการเจรจาครั้งถัดไปของวุฒิสภาในวันที่ 27 ธ.ค. เพื่อประเมินผลกระทบอีกครั้ง เพราะฝั่งทรัมป์มีแรงกดดันที่จะต้องผลักดันนโยบายดังกล่าวให้ได้ภายในปีนี้ ก่อนที่พรรคเดโมแครตจะได้เสียงข้างมากในวุฒิสภาซึ่งจะทำให้การเสนอนโยบายดังกล่าวเป็นไปได้ยากขึ้น

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบมองว่า Downside เริ่มจำกัด และมีโอกาสที่จะฟื้นตัวในช่วงต้นปี 2562 หนุนด้วยกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ที่จะเริ่มลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงที่ตั้งเป้าไว้ที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่หาก Compliance Rate ที่เกิดขึ้นจริงไม่เป็นไปตามเป้าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบกลับมาปรับลง

อย่างไรก็ดีได้ประเมินสำหรับ SET Index ช่วงสัปดาห์นี้ไปถึงสิ้นปีคาดว่า จะแกว่งตัวในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ 1,577-1,626 จุด โดยมีปัจจัยลบจากทั้งในและต่างประเทศ ประกอบไปด้วยความกังวลของตลาดส่งออกไทยที่อาจจะหดตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า, แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของทั้ง FED และ BOT บวกกับราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวลงต่อเนื่องจาก Demand ที่ลดลงสวนทางกับ Supply ที่เพิ่มขึ้น และเชื่อว่าดัชนีจะยืนเหนือแนวรับในโซน 1,575-1,580 จุดจนถึงสิ้นปีนี้ ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบัน

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนทยอยสะสมหุ้น Domestic Play ขนาดกลาง-ใหญ่ 3 กลุ่มหลักที่ยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะกลุ่ม ดังนี้ 1. กลุ่มสื่อ แนะนำ PLANB, VGI, MAJOR 2. กลุ่มค้าปลีก แนะนำ ROBINS, CPN 3. กลุ่มนิคม แนะนำ AMATA, WHA

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4