นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ "เดอะโพลิแทน" ทำเลย่านสนามบินน้ำ ,โครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว แบรนด์ "มายโฮม อเวนิว" และทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้" เปิดเผยว่า การเปิดขายพรีเซลในโครงการต่างๆของบริษัทฯ ยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ซึ่งคอนโดฯแบรนด์ " เดอะโพลิแทน" ประกอบด้วย เดอะโพลิแทน บรีซ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท มีจำนวน 500 กว่ายูนิต , เดอะโพลิแทน รีฟ มูลค่าโครงการ 6,300 ล้านบาท มีจำนวน 2,300 ยูนิต และเดอะโพลิแทน อควา มูลค่าโครงการ 6,700 ล้านบาท มีจำนวน 2,700 ยูนิต
ทั้งนี้ จากแนวโน้มยอดขายที่ดี และมีความต้องการเพิ่มขึ้น ทำให้โครงการเดอะโพลิแทน รีฟ ได้รับความสนใจเกินความคาดหมาย โดยเฉพาะเป็นโครงการอาคารสูง กลุ่มลูกค้าเป้าหมายวัยทำงาน มีกำลังซื้อสูง ปัจจุบันมีการตรวจรับมอบห้องไปแล้ว และจะเริ่มทยอยโอนในช่วงเดือนต้นมกราคมปีหน้า จากเดิมที่คาดว่าจะทยอยโอนในเดือนมีนาคมปีหน้า ซึ่งถือว่าเร็วกว่าคาดการณ์ จากปัจจัยดังกล่าวจะสนับสนุนให้ผลประกอบการมีทิศทางที่ดีขึ้น
ขณะที่ผลประกอบการในปีนี้มีแนวโน้มที่ดี คาดมีรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนอยู่ที่ 708 ล้านบาท และคาดว่าผลจะขาดทุนจะลดลง และมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และจะมีการโอนเป็นนัยสำคัญในไตรมาสที่ 1 ปีหน้า จากโครงการแนวสูงและโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ "มายโฮม อเวนิว" เข้ามาบางส่วน ส่วนยอดแบ็คล็อคในมืออยู่ที่ 9,000 ล้านบาท ก็จะเห็นการทยอยเพิ่มสนับสนุนเพิ่มเติม
"คอนโดแบรนด์ เดอะโพลิแทน ทั้ง เดอะโพลิแทน รีฟ เดอะโพลิแทนบรีซ และ เดอะโพลิแทน อควาเป็นโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า เพราะเป็นโครงการที่มีศักยภาพอยู่บนทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วง และติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามโดยโครงการ เดอะ โพลิแทน รีฟ พบว่าผลตอบรับดีมาก และจะโอนได้เร็วกว่าที่คาดไว้ ดังนั้นเชื่อว่าผลประกอบการจะมีทิศทางที่ดีขึ้นในอนาคต" นายสวิจักร์กล่าว
นายสวิจักร์ กล่าวอีกว่าแผนการดำเนินงานในปี 2562 กลุ่มบริษัทฯ เน้นการขยายโครงการแนวราบเพิ่มขึ้น เพื่อบาลานซ์ และการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในอนาคต โดยจะเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท ในโครงการทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้" ย่านทำเลสุขสวัสดิ์, หนามแดง และด่วนรามอินทรา จตุโชติ ทั้งนี้ ได้มีการซื้อที่ดินเพื่อรอการพัฒนาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะทยอยเปิดโครงการตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ในส่วนธุรกิจโรงพยาบาล ซึ่งบริษัทฯ เข้าลงทุนผ่าน บริษัท มาย ฮอสพิทอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เชื่อว่าจะมีการเติบโตควบคู่กันไป ซึ่งปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการเพิ่มศักยภาพ และการวางแผนปรับปรุงระบบภายในให้มีประสิทธิภาพ, การเพิ่มบริการใหม่ๆ ตามความต้องการในพื้นที่รวมทั้งการเพิ่มทีมแพทย์ โดยคาดว่าสร้างการเติบโตของรายได้เฉลี่ยแห่งละ 10% ต่อปี