นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวในการแถลงข่าววันนี้ (17 ม.ค.) ว่า บริการดังกล่าวซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นอกจากโปรโมชั่นไม่คิดค่าธรรมเนียม เก็บเงิน 3% ของมูลค่าสินค้า ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 แล้ว ผู้ส่งจะไดัรับเงินโอนผ่านแอปพลิเคชั่น Wallet@POST ภายใน 2 วันหลังจากสิ่งของส่งถึงผู้รับและชำระเงินเรียบร้อย ส่วนด้านผู้รับสินค้าสามารถเลือกชำระได้ทั้งเงินสด หรือ Mobile Banking หรือผ่านแอป Wallet@POST โดยในช่วงเดือนแรกที่เปิดให้บริการมีจำนวนธุรกรรมมากกว่า 1 แสนรายการ ทำให้คาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 2.5 แสนรายการในช่วง 3 เดือนแรก
"การพัฒนาบริการเก็บเงินปลายทางหรือ COD ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของไปรษณีย์ไทย ผู้ให้บริการพัสดุเก็บเงินปลายทาง (พกง.) รายแรกมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากขึ้น โดยสามารถใช้บริการได้ที่ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ ในวงเงินเรียกเก็บสูงสุด 3 หมื่นบาทต่อชิ้น ควบคู่กับบริการส่งด่วน EMS ในประเทศที่ตรวจสอบสถานะการส่งได้ตลอดเส้นทาง ซึ่งจะมี SMS แจ้งผู้ส่งและผู้รับเมื่อมีการชำระเงินแล้ว เพื่อให้มั่นใจในทุก ๆ ขั้นตอน ทั้งนี้ยังจะมีการขยายให้ใช้ได้กับบริการส่งประเภทอื่น ๆ ต่อไป"
สำหรับแอปพลิเคชั่น Wallet@POST ของไปรษณีย์ไทย พัฒนาขึ้นด้วยระบบของ 2C2P ผู้นำในการให้บริการ Online Payment แบบครบวงจรในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอบสนองผู้ใช้บริการในด้านธุรกรรมทางการเงินให้สามารถ "เติม โอน ถอน จ่าย...ง่ายแค่ปลายนิ้ว" โดยมีพันธมิตรสำคัญได้แก่ธนาคารชั้นนำของประเทศ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เป็นธนาคารหลักในการเชื่อม Wallet@POST ไปยังบัญชีธนาคารของลูกค้า ทำให้สามารถโอนเงินจาก Wallet@POST เข้าบัญชี SCB ได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ขณะที่การโอนเข้าบัญชีธนาคารอื่น หรือรับเงินที่ไปรษณีย์จะคิดค่าธรรมเนียมครั้งละ 20 บาท
ไปรษณีย์ไทยยังมีแผนพัฒนา Wallet@POST อย่างต่อเนื่องในปี 2562 ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อรองรับการใช้งานในด้านอื่น ๆ มากขึ้น อาทิ ชำระค่าภาษีศุลกากรสิ่งของส่งไปรษณีย์ขาเข้า จ่ายค่าสาธารณูปโภค ชำระค่าสินค้าและบริการจากร้านค้าที่ร่วมรายการ เป็นต้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม THP Contact Center 1545 หรือดูทางเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th