นายนาวินกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-USA มีการจ่ายเงินปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน แล้วทั้งสิ้น 23 ครั้ง รวมเป็นเงิน 6.15 บาทต่อหน่วย โดยในรอบผลการดำเนินงาน 1 ที่ผ่านมากองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 5.59% ต่อปี สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนมีความโดดเด่น สามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี และ 3 ปี อยู่ที่ 1.61% ต่อปี และ 15.14% ต่อปี เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ -2.99% ต่อปี และ 12.62% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ม.ค. 62)
"ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้คาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง โดยมีผลมาจากการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และการปรับลดสภาพคล่อง รวมถึงการที่พรรคเดโมแครตเข้ามาถ่วงดุลอำนาจ ซึ่งอาจทำให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นไปได้ยากขึ้น ทั้งนี้การเติบโตยังมีแรงขับเคลื่อนหลักจากการบริโภคภาคเอกชนที่มีแรงหนุนจากอัตราค่าจ้างที่ขยายตัวดี ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับใกล้เป้าหมายที่ 2.0% อย่างไรก็ดี แรงกดดันเงินเฟ้อที่เริ่มลดลง และเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทำให้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผ่อนปรนมากขึ้นต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน (Dovish) อย่างไรก็ตาม ควรติดตามประเด็นความไม่แน่นอนของสงครามการค้าที่กดดันบรรยากาศการลงทุน รวมถึงผลกระทบที่มีต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน" นายนาวินกล่าว
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-USA สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 0 2673 3888