ทั้งนี้เป็นผลจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ในไตรมาส 3 ปี 2561/62 มียอดขายรวม 694 ล้านบาท หรือลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจในต่างประเทศได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการปรับปรุงไลน์การผลิตเพิ่มเติมในสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeoroklas เติบโตได้ดี ในไตรมาส 3 ปี 2561/62 มียอดขายรวม 1,404 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก อาทิ พื้นปูกระบะ หลังคารถกระบะ และบันไดข้างรถ รวมถึงการรับรู้รายได้จากยอดขาย TJM Products Pty.Ltd และ Flexiglass Challenge Pty.Ltd ซึ่งเป็นช่องทางจัดจำหน่ายที่สำคัญของ Aeroklas ในประเทศออสเตรเลีย
อีกทั้งในช่วงปลายไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มนำส่งสินค้าใหม่คือ กันชนหลัง ออกสู่ตลาด ซึ่งใช้นวัตกรรม Polymer Composite พิเศษ มีน้ำหนักเบา ช่วยลดแรงกระแทก โดยมีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า
สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP ในไตรมาส 3 ปี 2561/62 มียอดขายรวม 643 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องมาจากการอุปโภคบริโภคภายในประเทศเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้น ประกอบกับบริษัทได้เร่งทำการตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหาร ประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทร่วมทุนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงโรงงานในต่างประเทศให้ได้มาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป/ การซ่อมบำรุง และ ตั้งสำรองทางบัญชีเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ ทำให้ส่วนแบ่งกำไรลดลง 20 ล้านบาท หรือ 32% รศ.ดร.เฉลียว กล่าว